รีวิว “The Private Room” โคตรเลานจ์ของสนามบิน Singapore Changi

สนามบินสิงคโปร์ชางงี ได้รับการยกย่องว่าเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลก 5 ปีซ้อน (Skytrax, 2013-2017) ครับ และวันนี้ผมจะพาไปดูความสุดยอดอีกมุมหนึ่งของสนามบินสิงคโปร์แห่งนี้ ที่ผมขอเรียกว่า มันคือโคตรเลานจ์ และเป็นหนึ่งในเลานจ์ที่ดีที่สุดในโลกของสายการบิน Singapore Airlines ที่ตั้งอยู่ในสนามบินชางงีนี้

Singapore Airlines จัดเต็มอย่างมากในการสร้างเลานจ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารในชั้นพรีเมียมของตัวเองครับ โดยเฉพาะการทำเลานจ์ที่สนามบินเจ้าบ้านอย่างสนามบิน Singapore Changi ก็ยิ่งต้องทำให้ดีสมกับที่ตัวเองเป็นเจ้าถิ่น วันนี้ผมจะพาไปดูสิ่งที่ Singapore Airlines เรียกมันว่า “The Private Room” ซึ่งเป็นเลานจ์ ที่ตั้งอยู่ในเลานจ์ First Class ของเค้าอีกทีครับ และมีเงื่อนไขในการเข้าใช้ที่ซับซ้อนขึ้นกว่าการเข้าไปใช้เลานจ์ First Class ปกติอยู่พอสมควร

Disclosure: บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากสายการบินหรือตัวแทนที่เกี่ยวข้อง

เงื่อนไขการเข้าใช้เลานจ์ The Private Room คือ

  • ต้องเดินทางบน First/Suite Class ด้วย Singapore Airlines เท่านั้น (หากเป็น First Class สายการบินอื่นๆ จะได้ใช้เฉพาะ First Class Lounge แต่จะเข้า The Private Room ไม่ได้)
  • หากมีเที่ยวบินต่อเครื่อง จากชั้นโดยสารหรือสายการบินอื่นๆ ต้องต่อเครื่องไปยัง First/Suite Class ของ Singapore Airlines เท่านั้น
  • หากมีเที่ยวบินต่อเครื่อง จากชั้น First/Suite Class ของ Singapore Airlines ต้องต่อไปยังสายการบินในกลุ่ม Star Alliance เท่านั้น (ชั้นโดยสารอะไรก็ได้)

เงื่อนไขหลักๆ คือต้องมีการเดินทางด้วย First/Suite Class ของ Singapore Airlines ครับ แม้กระทั่งบัตรสมาชิกระดับสูงสุดของ Singapore Airlines เอง (สถานะ Solitaire PPS Club) ก็ยังไม่สามารถเข้าใช้ The Private Room ได้เลยหากไม่ได้เดินทางด้วย SQ First/Suite Class ครับ

SilverKris Lounge, Singapore Changi Terminal 3

Singapore Airlines มีเลานจ์หลัก ที่สนามบินแห่งนี้อยู่ที่ชั้น 3 ของเทอร์มินัล 3 ซึ่งเป็นเทอร์มินัลที่ Singapore Airlines ใช้ครับ โดยผู้โดยสารทุกคนที่จะใช้งานเลานจ์นี้ ต้องผ่านด่านแรก ที่เป็นทางเข้า เขียนว่า SilverKris Lounge ก่อน (ชื่อ SilverKris Lounge เป็นเหมือนชื่อเลานจ์ของเค้าแหละครับ คล้ายๆ กับชื่อ Royal Silk Lounge ของการบินไทย)

ด้านหน้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจ Boarding Pass ว่าเราสามารถเข้าใช้เลานจ์ได้หรือไม่ และหาก boarding pass เราสามารถเข้าใช้ The Private Room ได้ ก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินนำ และเชิญเข้าไปยังส่วนของ The Private Room ครับ

ต้องเดินผ่าน First Class Lounge ก่อนครับ เพราะเลานจ์ The Private Room นี่จะตั้งอยู่ในส่วนของ First Class Lounge อีกที

พื้นที่นั่งพักของ First Class Lounge ครับ กว้างและมีหลายมุมอยู่เหมือนกัน

เดินผ่านมาอีกนิด ก็จะเจอพื้นที่นั่งทานอาหารของ First Class Lounge แต่เราจะไม่ได้ใช้ตรงนี้ครับ เดินผ่านเข้าไปส่วนของ The Private Room กันเลย…

The Private Room

มาถึงด้านหน้า The Private Room ก็จะเจอเจ้าหน้าที่อีกคนครับ ที่จะรับช่วงมาดูแลต่อ โดยจะเชิญไปยังที่นั่งที่เราชื่นชอบ

พื้นที่ภายใน The Private Room นี่สมชื่อเค้าเลยครับ คือเน้นความเป็นส่วนตัวมากๆ กว้างขวาง และค่อนข้างเงียบสงบ แน่นอนว่า มีผู้โดยสารคนอื่นๆ ไม่เยอะครับ ตอนที่ผมเข้ามานี่เห็นผูโดยสารคนอื่นอีกแค่ 2-3 คนเท่านั้น

เก้าอี้ขนาดใหญ่ในส่วนของ The Private Room นี่มีหลายแบบมากๆ และถูกกั้นด้วยแผงกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวแบ่งเป็นสัดส่วน

มุมดูทีวี ก็จัดเต็มด้วยทีวีไซส์ใหญ่มากๆ กับโซฟาให้ดูได้อย่างสบายสุดๆ ครับ

หรือถ้าใครชอบแบบส่วนตัวมากๆ ก็มีแบบเป็นห้องส่วนตัวให้ใช้งานด้วย ห้องนี่มีอยู่ประมาณ 3 ห้องครับ ขนาดแตกต่างกันไป

มุมคอมพิวเตอร์ มี iMac จัดไว้ให้ใช้จำนวน 2 เครื่อง

ผมนั่งพักได้แป๊บนึง เจ้าหน้าที่ก็เอาเมนูอาหารและเครื่องดื่มมาให้ครับ โดยเมนูในนี้ จะแยกเป็นเมนูของ The Private Room โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นคนละเมนูกับ First Class ด้านนอกด้วยครับ

ลิสต์อาหาร และเครื่องดื่ม ก็ต้องถือว่าเยอะมากๆ ครับ มีอาหารให้เลือกแบ่งตามเวลา และมีตัวเลือกอาหารทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งเอเชีย แต่รอบนี้ผมมีเวลาในนี้ไม่มากนัก บวกกับยังไม่หิวเท่าไหร่ เลยยังไม่ได้ลองอาหารในนี้ครับ (ไว้รอบหน้าจะเอามาเพิ่มรีวิวส่วนนี้อีกที) ผมเลยแค่สั่งแชมเปญมาลิ้มลองเช่นเคย

แชมเปญ Charles Heidsieck Blanc Des Millenaires ถูกเสิร์ฟมาในแก้วที่ถูกชิลมาอย่างดีครับ ผมขอน้ำเปล่าเพิ่ม ก็ได้เป็นน้ำแร่ evian มาทั้งขวดเลย แช่เย็นมาเรียบร้อย

มาดูมุมทานข้าวบ้างครับ มุมนี้จะถูกจัดเป็นโต๊ะสำหรับทานข้าวโดยเฉพาะเอาไว้เพื่อความสะดวกสบาย เป็นห้องสามเหลี่ยมที่มีทั้งเมนูอาหารให้สั่ง และมีมุมบุฟเฟ่ต์ให้ตักได้ตามใจชอบ แต่ส่วนมากจะเป็นคอร์สเมนูที่เลือกจากเมนูมากกว่าครับ ส่วนที่เป็นบุฟเฟ่ต์จะเป็นพวกของทานเล่น

ห้องน้ำ และ ห้องอาบน้ำ ถูกแยกมาเป็นของ The Private Room โดยเฉพาะเลยครับ (คนละห้องกับส่วนของ First Class ด้วยนะ) อลังการ สวยงาม และกว้างขวางมากๆ

ห้อง shower มีขนาดใหญ่ทีเดียวครับ ใน The Private Room นี่มีห้องอาบน้ำให้ใช้พร้อมกันได้ 3 ห้อง ชนิดที่ไม่ต้องรอคิว และไม่ต้องแย่งกันใช้แน่ๆ

ชุด amenities ที่มีให้ในห้องน้ำ เป็นของ Salvatore Ferragamo ทั้งหมดครับ เลือกใช้ได้ตามสบาย ขอเพิ่มได้ทุกอย่าง

ภายใน The Private Room ที่สามารถมองออกไปเห็นเครื่องบินได้ด้วยครับ ด้านนี้จะเป็นเครื่องของ Singapore Airlines เกือบทั้งหมดเลย

สรุป

The Private Room เป็นหนึ่งในสุดยอดเลานจ์ ที่ Singapore Airlines ได้สร้างมาอำนวยความสะดวกลูกค้า First/Suite Class ของตัวเองได้อย่างสมราคาครับ โดยมีการสกรีนผู้เข้าใช้งาน ว่าต้องเป็นผู้โดยสาร First/Suite ของ SQ เท่านั้น เพื่อให้สิทธิพิเศษที่เหนือกว่า First Class ของสายการบินอื่นๆ ในสนามบินเจ้าบ้านของตัวเอง ซึ่งคอนเซ็ปต์นี้ ก็ถูกใช้กับสายการบินต่างๆ ทั่วโลกครับ รวมถึงการบินไทยของเราด้วย (เช่น เลานจ์ Royal Orchid Spa ที่ให้สิทธิ์นวดฟรีสำหรับผู้โดยสาร Business/First Class ของการบินไทยเองเท่านั้น หรือ เลานจ์ Qatar ที่มีเป็นห้องนอนให้เลยสำหรับผู้โดยสาร First Class ของ Qatar) แต่ต้องยอมรับว่า เลานจ์ The Private Room แห่งนี้ ทำได้เนี๊ยบ ให้ความเป็นส่วนตัว และพิถีพิถันมากจริงๆ บวกกับแนวคิดที่เอา The Private Room เข้าไปอยู่ในเลานจ์ First Class อีกที นี่ยิ่งทำให้รู้สึกพิเศษมากขึ้นไปอีก

ใครที่เดินทางด้วย Singapore Airlines ในชั้น First Class โดยเฉพาะเที่ยวบินที่มีการต่อเครื่องที่สนามบิน Changi ไม่ควรพลาดการเข้าใช้ The Private Room แห่งนี้ครับ สามารถแวะมาใช้รอขึ้นเครื่องได้แบบยาวๆ ต่อให้รอหลายชั่วโมงหรือแม้กระทั่งข้ามคืน ก็ยังได้รับความสบายแบบสุดๆ (ถ้าข้ามคืน The Private Room จะปิดระหว่าง 02:30 – 05:30 น. ครับ โดยในช่วงนั้น สามารถรอในส่วนของ First Class Lounge ที่เปิดตลอด 24 ชม.ได้ และค่อยกลับมาสั่งข้าวเช้าทานในส่วนของ The Private Room อีกที) จะมีข้อเสียนิดหน่อย คือหากไม่ได้เดินทางต่อด้วย Singapore Airlines หรือสายการบินที่อยู่คนละเทอร์มินัลกับ The Private Room แห่งนี้ ก็ต้องเผื่อเวลาเดินไกลหน่อย รวมถึงต้องเผื่อเวลาขึ้น skytrain เพื่อเปลี่ยนเทอร์มินัลนะครับ ต่างจากการบินไทยของเราที่เอารถ buggy ขับรับส่งเอาเลย แต่อันนี้ต้องเผื่อเวลาเดินหน่อยครับ 😉

พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ

บทความโดย: อู๋ @spin9

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save