รีวิว Royal First Class บนการบินไทย Airbus A380 เส้นทางกรุงเทพ-โตเกียว

วันนี้ผมจะพาไปชมชั้นโดยสาร Royal First Class ของการบินไทย ที่อยู่บนเครื่องบินแบบ Airbus A380-800 ครับ ซึ่งถือได้ว่าเป็นชั้น Royal First Class ที่หรูที่สุดของฝูงบินการบินไทยปัจจุบัน ด้วยการจัดวางที่นั่งแบบใหม่ ให้ความเป็นส่วนตัว และมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากกว่า First Class ที่อยู่บนเครื่องบินแบบอื่นๆ ของการบินไทยทั้งหมดครับ

Disclosure: บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากสายการบินหรือตัวแทนที่เกี่ยวข้อง

การเดินทางวันนี้ ผมเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) ไปยังจุดหมายปลายทางท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ (NRT) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบัน ในช่วงเวลาปกติการบินไทยได้ใช้เครื่องบินสองแบบในการเดินทางเส้นทางนี้ คือ Airbus A380-800 (มีชั้น Royal First Class) และ Boeing 787-800 Dreamliner (ไม่มีชั้น First Class) ดังนั้นใครจะบิน First Class ต้องตรวจสอบกันหน่อยครับ ว่าเที่ยวบินที่เราจะเดินทาง ใช้เครื่องบินแบบไหน และมีชั้นโดยสาร First Class หรือไม่

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ในฝูงบินการบินไทยปัจจุบัน (ก.พ. 58) มีเครื่องบินที่มีชั้น First Class อยู่บนเครื่องบิน  3  2 แบบเท่านั้นครับ คือ Boeing 747-400 จำนวน 12 ลำ, Airbus A340-600 จำนวน 6 ลำ และ Airbus A380-800 จำนวน 6 ลำ ซึ่งใช้ในการบินพิสัยไกลเกือบทั้งหมด โดยเส้นทางที่ใกล้ที่สุดจากกรุงเทพมหานคร ที่มีชั้นโดยสาร Royal First Class คือจุดหมายประเทศฮ่องกง (HKG) และไกลที่สุดคือจุดหมายในประเทศโซนยุโรป เช่นลอนดอน ปารีส แฟรงก์เฟิร์ต ส่วนจุดหมายไกลสุดๆ อย่างลอสแองเจลิส การบินไทยเลือกใช้เครื่องบินแบบ Boeing 777-300ER ที่ไม่มี First Class ครับ

รายละเอียดเที่ยวบินที่จะรีวิวกันวันนี้ครับ

Flight: TG676

Route: BKK-NRT
Date: 1 Feb 2015
Departure Time: 8:00
Arrival Time: 15:50
Duration: 5 hr 50 mins
Seat: 2K
Class: Royal First Class
Aircraft: Airbus A380-800
Registration: HS-TUA (ศรีรัตนะ)

ถ้าพร้อมแล้ว เรามาออกเดินทางไปโตเกียว ด้วยความหรูหราแบบ Royal First Class กันครับ

Check-in

เที่ยวบินที่ TG676 จากกรุงเทพไปนาริตะ ตามกำหนดแล้วจะเดินทางออกจากสุวรรณภูมิเวลา 8:00 น. ตอนเช้าครับ ซึ่งโดยปกติก็ควรจะมาถึงสนามบินเวลาประมาณ 6 โมงเช้าเลย (ฟ้ายังไม่ทันสว่าง) แม้จะเดินทางด้วยชั้นโดยสารไหน ก็ควรจะเผื่อเวลาเดินทางมายังสนามบินล่วงหน้าสักหน่อยนะครับ โดยบริเวณประตู 1 ของอาคารผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะมีเคาน์เตอร์ของ Royal First Porter Service อยู่ด้านนอกอาคาร พร้อมพนักงานสวมเสื้อกั๊กสีทอง ที่จะคอยช่วยขนสัมภาระจากรถ ขึ้นรถเข็น และพาเข้าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์พิเศษในอาคารผู้โดยสาร

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ตอนลงจากรถ พนักงานจะเข้ามาช่วยเหลือ ขนกระเป๋าลงจากรถ ขึ้นรถเข็นด้วยความสุภาพ และสอบถามข้อมูลกับเราว่าเราจะเดินทางไปที่ไหน และจะถามย้ำอีกครั้งว่าได้เดินทางด้วยชั้น First Class หรือไม่ เพื่อที่พนักงานจะได้พาเข้าไปสู่บริเวณเช็คอินของ Royal First ที่ถูกจัดโซนแยกไว้ต่างหาก

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เมื่อเข้ามาที่บริเวณเช็คอินของ Royal First Class แล้ว จะมีพนักงานเช็คอินมาให้การต้อนรับ พาไปนั่งรอที่โซฟา และขอ Passport พร้อมถามว่าจะโหลดกระเป๋าใบไหนบ้าง เพื่อไปทำการเช็คอินให้ ระหว่างรอก็จะมีน้ำดื่มมาให้บริการ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที (ยังไม่ทันจะได้ดื่มน้ำ) พนักงานก็เดินกลับมาพร้อม Boarding Pass, แท็กกระเป๋า พร้อมใบ ตม. ที่กรอกมาให้เสร็จสรรพทั้งขาไปและขากลับ เหลือให้เราเซ็นชื่อเท่านั้น และให้พนักงานขนกระเป๋าคนเดิม ช่วยถือกระเป๋า carry-on และพาเดินไปผ่านขั้นตอน X-ray และ ตม. ที่ถูกแยกเอาไว้ต่างหากสำหรับผู้โดยสาร First Class เท่านั้น ไม่ต้องรอคิวปะปนกับแถวปกติของสนามบิน ซึ่งแน่นอนว่า ขั้นตอนผ่านไปอย่างเร็วมากๆ ครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เมื่อผ่านขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทางแล้ว พนักงานจะพาเดินลงบันไดเลื่อนไปหนึ่งชั้น แล้วจะมีรถ buggy รอรับทันที เพื่อวิ่งต่อไปยังห้องรับรอง Royal First Lounge ที่บริเวณ Concourse D ไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อย

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Royal First Lounge, Suvarnabhumi Airport

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เมื่อมาถึงห้องรับรอง Royal First Lounge ก็จะมีพนักงานมาขอ Boarding Pass ไปบันทึกข้อมูลว่าเราเดินทางออกด้วยเที่ยวบินอะไร (เมื่อถึงเวลา Boarding ของเที่ยวบินเรา พนักงานจะมาเชิญไปขึ้นเครื่องครับ ให้พักผ่อนได้ยาวๆ แบบไม่ต้องกังวลว่าจะตกเครื่อง) จากนั้นก็จะมีพนักงานพาเดินชม Lounge ว่าสะดวกจะนั่งที่ไหน ซึ่งใน Royal First Lounge ของสุวรรณภูมิ จะมีพื้นที่นั่งในโถงทั้งหมด 22 ที่นั่ง, ห้องส่วนตัว 6 ห้อง, ห้อง VIP 2 ห้อง ให้ได้เลือกนั่งพักผ่อน วันนี้ผมได้ห้องส่วนตัวมา 1 ห้องเลย ในห้องก็มีครบ ทั้งโซฟาหลายขนาด, ทีวีจอใหญ่, โทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์พร้อมอินเทอร์เน็ต

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

จากนั้น พนักงานก็จะเอาเมนูอาหารเช้ามาให้เลือกครับ ซึ่งก็เป็นเมนูใน iPad พร้อมรูปประกอบอย่างสวยงาม ผมยังไม่ค่อยหิวมาก เลยสั่งเกี๊ยวกุ้งน้ำไป พร้อมกับน้ำส้ม โดยระหว่างนั้นก็จะมีพนักงานเดินมาสอบถามเรื่อยๆ ว่าจะรับอะไรเพิ่ม สามารถสั่งได้ไม่อั้นครับ ขนมไทย ไอศกรีม ผ้าเย็น เครื่องดื่มต่างๆ ทั้งแบบมีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์ หรือจะเดินไปตักเองก็ได้

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ห้องน้ำของ Royal First Lounge มีทั้งในส่วนของห้องอาบน้ำ (ผมไม่ได้ใช้ เพราะเป็นไฟลต์เช้า แต่ถ้าใครเดินทางไฟลต์เย็นหรือไฟลต์ค่ำๆ ก็น่าจะสะดวกมาก และมีประโยชน์มาก) และห้องน้ำที่มีความเป็นส่วนตัวสูง อย่างห้องผู้ชายนี่ไม่มีโถฉี่เรียงกันนะครับ แต่แยกเป็นห้องใครห้องมันเลย และมีพนักงานคอยทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากที่มีผู้โดยสารเข้าไปใช้ น้ำหอมที่มีให้ในห้องน้ำ เป็นของ L’Occitane ทั้งหมดครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เที่ยวบิน TG676 ตามกำหนดแล้ว ต้องเดินทางออกจากสุวรรณภูมิเวลา 8:00 น. ครับ แต่เที่ยวบินนี้มักจะ Delay อยู่เป็นประจำ เพราะเครื่องบิน A380-800 ที่จะใช้เที่ยวนี้ จะถูกใช้ในเที่ยวบินยุโรปก่อนในคืนก่อนที่จะไปนาริตะเสมอ และเที่ยวบินขาเข้าจากยุโรป มักจะเดินทางมาถึงสุวรรณภูมิล่าช้ากว่ากำหนด บวกกับขนาดอันใหญ่โตของเครื่องบิน Airbus A380 จึงใช้เวลาในการ unload กระเป๋า และทำความสะอาดนานกว่าปกติ จึงกระทบต่อเที่ยวบินขาออกที่จะไปนาริตะเที่ยวนี้ครับ วันนี้ผมก็ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่า เที่ยวบินจะ Delay ประมาณครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย

IMG_20150201_063253~2

(นาฬิกา moto 360 ที่ข้อมือ เด้งเตือนบอกเที่ยวบินที่จะเดินทาง Delay ได้ด้วยครับ ใครสนใจไปอ่านรีวิวได้ >> ที่นี่นะ)

Boarding

เวลาประมาณ 8:30 น. ถึงผมจะกังวลเล็กๆ เพราะ Delay เกินกำหนดมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว (ใน Boarding Pass เขียนเวลา Boarding 7:30 น. ด้วยซ้ำ) และใน Lounge ก็มองไม่เห็นเครื่องบินมาเทียบเหมือนกับที่ Gate เสียด้วย แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็มาเรียนเชิญที่ห้องพักผ่อนครับ ว่าเที่ยวบิน TG676 พร้อมแล้ว และพนักงานได้พาเดินไปที่ Gate C3 ที่ตรงกับจังหวะเวลาในการ Boarding เป็นกลุ่มแรกพอดี ซึ่งสามารถเดินขึ้นเครื่องได้เลยโดยไม่ต้องต่อคิว หรือนั่งรอที่หน้า Gate เลยครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Airbus A380-800 เป็นเครื่องบินสองชั้น โดยชั้นบน (Upper Deck) เป็นตำแหน่งของที่นั่ง Royal First Class และ Royal Silk Class รวมถึง Economy บางส่วนบริเวณท้ายเครื่อง (แต่มักจะปิดโซน Economy ของชั้นบนไว้ หากเที่ยวบินนั้นไม่เต็มจริงๆ) ตอนเดินขึ้นเครื่องก็จะมีทางแยกเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนของเครื่องบินเอาไว้อย่างชัดเจน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

On Board

เมื่อเดินผ่านประตูเครื่องบิน Airbus A380-800 เข้ามา และแสดง Boarding Pass ชั้น Royal First Class ก็จะมีพนักงานกล่าวต้อนรับพาไปยังที่นั่งแบบตัวต่อตัวเลยครับ ซึ่งในเที่ยวบินขาออกนี้ ผมเลือกที่นั่ง 2K ซึ่งผมขอแนะนำสำหรับคนที่จะเดินทางด้วย Royal First Class บน A380 ของการบินไทย ให้เลือกที่นั่ง 2A หรือ 2K ครับ เพราะเป็นที่นั่งเพียง 2 ที่เท่านั้น ที่มีขนาดความยาว หรือ Seat Pitch ขนาด 83″ ซึ่งมากกว่าที่นั่งอื่นๆ ที่มีขนาด 82″ (แต่จริงๆ มันก็กว้างมากทุกที่ครับ แทบไม่เห็นผลอะไรเท่าไหร่หรอก ขนาด 82″ นี่ปาเข้าไปสองเมตรกว่าแล้วครับ)

IMG_20150201_064143

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

หลังจากนั่งได้ไม่นาน ผู้จัดการเที่ยวบิน, หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่อง และพนักงานต้อนรับที่ดูแลชั้น Royal First ก็เดินมาแนะนำตัว พร้อมเรียกชื่อผมได้อย่างถูกต้อง (และตลอดทั้งไฟลต์ พนักงานจะจดจำชื่อผู้โดยสาร First ทุกคนได้หมด พร้อมเรียกชื่อทุกครั้งที่เดินมาถามหรือให้การบริการ) พร้อมทั้งถามถึงเครื่องดื่มที่ต้องการ และหนังสือพิมพ์/นิตยสารที่อยากได้ พร้อมกับเมนูอาหาร/เครื่องดื่มที่มีให้บริการบนเที่ยวบินนี้ ระหว่างนั่งรอผู้โดยสารอื่นๆ Boarding ครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Seat Features / Amenities

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

การบินไทย จัดที่นั่ง Royal First Class บนเครื่องบิน Airbus A380-800 ไว้ทั้งหมด 12 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น 3 แถว แถวละ 4 ที่นั่ง แบบ 1-2-1 อยู่บริเวณชั้นบน ส่วนหน้าสุดของเครื่องบิน แต่ละที่นั่งมีแผงกั้นล้อมไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวแบบ Suite ซึ่งต่างจาก Royal First Class บนเครื่องบินแบบอื่นของการบินไทย ที่ยังใช้ที่นั่งแบบ Pod อยู่ (ยกเว้น Boeing 747-400 บางลำที่ได้เปลี่ยนมาใช้แบบ Suite คล้ายกับ A380 แล้ว) ที่นั่งแถวกลาง เหมาะสำหรับคนที่เดินทางมาเป็นคู่ เพราะมีที่นั่งติดกัน สามารถคุยกันได้ไม่เหงาครับ แต่ก็สามารถยกแผงกั้นไฟฟ้ามาปิดระหว่างที่นั่งได้ หากไม่ได้เดินทางมาด้วยกัน ส่วนใครเดินทางคนเดียว ก็แนะนำให้นั่งติดหน้าต่างครับ จะมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

การบินไทยเลือกใช้โทนสีอ่อนบนชั้นโดยสาร Royal First ของ A380 ให้ความรู้สึกสบายตา และโดดเด่นจากชั้นโดยสารปกติของการบินไทยพอสมควรที่มักจะเลือกใช้โทนสีม่วงเข้ม แต่ก็น่ากังวลว่าอีกไม่นานจะดูโทรมเร็วรึเปล่า เพราะมีส่วนที่เปื้อนง่ายค่อนข้างเยอะ ที่นั่งมีความกว้าง Seat Width ขนาด 26.5 นิ้ว ตัวใหญ่แค่ไหนก็ยังนั่งได้สบายครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ปุ่มปรับที่นั่ง แบ่งเป็นสองฝั่งครับ ฝั่งติดหน้าต่าง เลือกปรับได้ละเอียด ของส่วนหมอนรองศีรษะ, ส่วนปรับเอน, ส่วนที่พักเท้า และส่วนซัพพอร์ตกระดูกสันหลัง (Lumbar) ส่วนอีกฝั่งหนึ่งติดทางเดิน จะเป็นปุ่มปรับเป็นท่า Upright สำหรับใช้ตอนเครื่องขึ้นและลง, ปุ่มปรับสำหรับนั่งทานข้าว และ ปุ่มปรับเป็นท่านอนราบ 180 องศา อยู่บริเวณด้านนอกของที่นั่ง เพื่อให้กดได้สะดวกจากทุกท่าทาง

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

มุมด้านข้างที่นั่ง เป็นตำแหน่งของไฟอ่านหนังสือ ที่ปรับความสว่างได้ 4 ระดับ ปรับหมุนองศาได้อิสระ หรือถ้าอยากได้ไฟสว่างๆ บริเวณที่นั่งเลย ก็จะมีไฟส่องเหนือที่นั่งดวงใหญ่อีก 1 ดวง ที่สามารถกดเปิดได้จากรีโมทคอนโทรล

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

หน้าจอความบันเทิง เป็นหน้าจอขนาด 23 นิ้ว ใหญ่สะใจมากๆ ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล ข้างที่นั่งจะมีชุดหูฟัง Noise Cancellation มาให้ในกระเป๋าอย่างดี โดยระบบความบันเทิงของการบินไทยปัจจุบัน มีหนังให้เลือกดูในเครื่องประมาณ 130 เรื่อง อัปเดตเรื่องใหม่ทุกเดือน (อย่างเดือน ก.พ. 58 นี้ ก็มี Big Hero 6 มาแล้ว), ซีรีย์ และรายการทีวีมากกว่า 300 ตอน และมีเกมส์ พร้อมข้อมูลเที่ยวบินให้ได้กดเลือกดู เลือกฟังครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ช่องเก็บของด้านข้างที่นั่ง เป็นตำแหน่งของปลั๊กไฟ Universal พร้อมพอร์ต USB สำหรับชาร์จอุปกรณ์อีก 2 พอร์ต ถ้ายังเก็บของได้ไม่พอ ยังมีช่องเก็บขนาดใหญ่บริเวณข้างหน้าต่างอีกหลายช่องให้ได้ใช้ (แต่ไม่ค่อยแนะนำครับ ช่องนี้มีฝาปิดอีกที และมีโอกาสลืมของสูงมาก)

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ชุด Amenities ที่ให้มา (ที่เป็นของสะสมของหลายๆ คน) คือชุดกระเป๋า Rimowa ครับ ภายในประกอบไปด้วยของใช้บนเครื่องบิน เช่น ชุดแปรงสีฟัน หวีพับ ที่อุดหู ผ้าปิดตา น้ำยาบ้วนปาก โลชั่น ลิปมัน ฯลฯ ชุดนี้สามารถเก็บกลับบ้านได้ทั้งกระเป๋าครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ได้เวลา Take off พนักงานเดินมาเก็บแก้ว ตรวจสอบความเรียบร้อยของห้องโดยสาร โดยในชั้น First Class นี้ สิ่งสำคัญคือต้องกดปุ่มเก็บที่พักเท้าลงไปให้สุดครับ เพราะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ขยับตัวออกจากที่นั่งได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเบาะจะปรับเอนบ้างเล็กน้อยเพื่อให้นั่งสบายหน่อยก็ไม่ได้ว่าอะไร รัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย จนได้เวลาเครื่อง Take off จากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 9:09 น. สายกว่ากำหนดเกินกว่า 1 ชั่วโมงทีเดียว

In-flight Cuisine

เมื่อเครื่องไต่ระดับความสูงได้จนกัปตันปิดไฟเตือนรัดเข็มขัดแล้ว พนักงานก็มาปูโต๊ะ เพื่อเตรียมเสิร์ฟอาหารมื้อแรกทันที เลื่อนโต๊ะ และปูผ้าสีขาว ตะกร้าขนมปังหลายชนิด เนย เกลือ/พริกไทย ส้อมมีด ผ้ากันเปื้อน ไม้จิ้มฟัน ครบพร้อม

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ผลไม้สด ถูกนำมาเสิร์ฟเป็นจานแรกครับ ประกอบไปด้วยส้มโอ มะละกอสุก องุ่นไร้เมล็ด และสับปะรด ทุกชิ้นหวานฉ่ำ สดชื่นอย่างมาก

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

อาหารจานหลักของ TG676 มื้อแรก ในเมนูปกติที่การบินไทยจัดเตรียมไว้ จะมีให้เลือก 3 เมนูครับ คืออาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่น, สไตล์ยุโรป หรือ ข้าวต้มกุ้ง แต่เที่ยวบินนี้ผมได้”ลองของ” โทรไปสั่งอาหารพิเศษเอาไว้ล่วงหน้าก่อนบิน ซึ่งการบินไทยอนุญาตให้ผู้โดยสาร Royal First Class สามารถสั่งอาหารพิเศษได้ฟรี หากแจ้งกับคอลเซ็นเตอร์ล่วงหน้าเกิน 24 ชั่วโมง โดยผมได้สั่งเมนู “ผัดไทยกุ้งสด” เอาไว้

จริงๆ แล้วตอนเช็คอิน พนักงานจะสอบถามเพื่อย้ำอีกครั้งอยู่แล้วครับ ว่าผมได้สั่งอาหารพิเศษเอาไว้ในเที่ยวบินนี้ รวมถึงใน Boarding Pass ก็จะมีระบุรหัส SPML (ย่อมาจาก Special Meal) เอาไว้ โดยอาหารพิเศษที่สั่งไว้ล่วงหน้า ก็จะมาทดแทนอาหารปกติที่การบินไทยเตรียมเอาไว้ให้เลือกนี่เอง และนี่คือหน้าตา “ผัดไทยกุ้งสด” ของผม …

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ผัดไทยห่อไข่ (หรือไข่ห่อผัดไทย) กุ้งมังกรตัวใหญ่ย่างสุกพอดิบพอดี มาทำหน้าที่เป็น “กุ้งสด” ของเมนูนี้ โปะด้วย Foie Gras หนึ่งชิ้น เมนูนี้ ผัดไทยกับกุ้งมังกรลงตัวอย่างมากครับ แต่ Foie Gras นี่สิ .. มันไม่ได้เข้ากับผัดไทยเลยแม้แต่นิดเดียว

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของการบินไทย Royal First Class ทุกเที่ยวบิน คือแชมเปญ Dom Pérignon 2004 ครับ มีให้บริการแบบไม่อั้นตลอดไฟลต์ กับที่ผมชอบมากอีกอย่างคือน้ำอัญชันมะนาว ที่การบินไทยได้แช่เย็นเป็นเกล็ดน้ำแข็งก่อนเสิร์ฟ มันสุดยอดมาก

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

หลังจากอาหารมื้อแรก พนักงานก็จะนำน้ำดื่ม Evian ขวดเล็กมาให้ เพื่อใช้จิบตลอดไฟลต์ครับ ถ้าหมดก็ขอเพิ่มได้เช่นกัน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Lavatory

ห้องน้ำของ Royal First Class บนเครื่องบิน Airbus A380-800 นี่ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์เลยครับ เพราะนี่เป็นห้องน้ำบนเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเครื่องบินทุกแบบของการบินไทย โดยจะมีห้องใหญ่ 1 ห้องอยู่โซนด้านหน้าของแถวที่นั่ง และมีห้องเล็กอีก 1 ห้องอยู่ด้านหลัง เพื่อรองรับกับผู้โดยสาร 12 ที่นั่งของชั้น First Class

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ด้านหน้าห้องน้ำ จะมีโซฟาสำหรับนั่งรอ นั่งเล่น ที่ปกติจะไม่มีใครมาใช้งาน (เพราะรออยู่ที่นั่งตัวเองสบายกว่ามาก) ห้องน้ำเองมีขนาดใหญ่โตมาก ด้านในแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนแต่งหน้าแต่งตัว กับส่วนของส้วมและอ่างหน้ามือ ตกแต่งด้วยไฟโทนสีขาว/ม่วงสวยงาม สะอาดตา

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

โซนแต่งหน้าแต่งตัว มีกระจกบานใหญ่ และกระจกส่องหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง มีที่นั่งเป็นโซฟา และมีผ้าขนหนูผืนเล็ก พร้อมกระดาษเช็ดหน้าให้ เหมาะสำหรับมาเปลี่ยนชุดนอน หรือ เปลี่ยนชุดทำงานก่อนที่จะเครื่องจะลงจอดครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ส่วนของส้วมและอ่างล้างมือ กว้างขวางและสะอาดมาก ก๊อกน้ำเป็นระบบเซนเซอร์ไร้สัมผัส มีผ้าเช็ดมือแบบใช้แล้วทิ้งให้ดีงมาใช้แทนกระดาษ พร้อมน้ำหอมของ Bvlgari และแฮนด์ครีม

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ข้างห้องน้ำ ยังเป็นส่วนของบันไดเชื่อมลงไปชั้นล่างของเครื่องบินที่เป็นชั้น Economy แต่ระหว่างเที่ยวบินจะถูกปิดไว้ไม่ให้ขึ้นลง (เข้าใจว่าเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสาร First Class)

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Flat Bed

เดินกลับมาจากห้องน้ำ ที่นั่งถูกปรับเป็นท่านอนเตรียมไว้เรียบร้อย พร้อมแบบฟอร์มใบเข้าเมืองของประเทศญี่ปุ่นที่ถูกวางเตรียมไว้บนโต๊ะเช่นกัน ที่นั่งของ Royal First Class รุ่นนี้ สามารถปรับเอนนอนได้ราบ 180 องศา มีความยาวที่นั่งเพียงพอแบบเหยียดสุดๆ ขาก็ไม่ชน มีหมอนให้ 2 ใบ 2 ขนาด ซึ่งพอดีกับการนอนเมื่อปรับเป็นแนวราบ ผ้าห่มขนเป็ดนุ่มสบาย เพื่อให้ผู้โดยสารได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เอนตัวลงนอน หลับตาไปได้ราว 1 ชั่วโมงครึ่ง อาหารมื้อที่สองก็พร้อมมาเสิร์ฟครับ (เที่ยวบินนี้ค่อนข้างสั้น ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 ชั่วโมง 50 นาที) พนักงานเอาผ้าปูโต๊ะมารอเสิร์ฟอีกครั้ง ผมเลือกจากเมนูปกติ เป็นอุด้งผัดสไตล์ญี่ปุ่น ถ้าไม่อิ่ม ก็สามารถขอเพิ่มได้ หรือจะรับแซนด์วิชที่เป็นอีกช้อยส์เพิ่มได้เหมือนกัน เมนูนี้ออกจะมันๆ เกินไปนิดนึง แต่อร่อยดีครับ ผมรับชาเขียวร้อนมาทานคู่กันด้วย

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ก่อนเครื่องลงจอด ผู้จัดการเที่ยวบิน และ หัวหน้าพนักงานต้อนรับก็มากล่าวขอบคุณผู้โดยสาร Royal First แต่ละคนด้วยตัวเองครับ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจการให้บริการของพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินนี้

Narita International Airport Arrival

เดินทางถึงสนามบินนาริตะ 16:16 น. สายกว่ากำหนดเดิม 26 นาที พนักงานเปิดทางให้ชั้น First Class ออกจากเครื่องบินเป็นกลุ่มแรก โดนยืนกันผู้โดยสาร Business Class เอาไว้ให้ ที่สนามบินนาริตะนี้ ไม่มีบริการรถรับส่งจากหน้าเครื่องครับ ต้องเดินไปผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองด้วยตัวเอง แต่ด้วยความที่ได้ลงจากเครื่องเป็นกลุ่มแรก ก็เลยเดินไปถึงด่าน ตม. ได้แบบไม่ต้องรอคิวเลย

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เมื่อผ่านการตรวจหนังสือเดินทางแล้ว บริเวณรับกระเป๋า จะมีป้ายของ Royal First Priority Baggage ตั้งอยู่ครับ ไม่ต้องไปรอกระเป๋าที่ข้างสายพาน เพราะจะมีพนักงานยกเอากระเป๋าของ First Class มาวางไว้ให้ที่บริเวณนี้ เดินมาเจอกระเป๋าก็สามารถลากออกไปได้เลย โดยรวมแล้ว ใช้เวลาในการผ่านขั้นตอนทั้งหมดในสนามบินนาริตะน้อยมากๆ เลยครับ

จากจุดรับกระเป๋า Priority Baggage นี้ ถือว่าสิ้นสุดการบริการของ Royal First Class เที่ยวบินขาไปครับ

ต่อไปเรามาดูขากลับกันบ้าง…

Flight: TG677

Route: NRT-BKK
Date: 4 Feb 2015
Departure Time: 17:30
Arrival Time: 22:30
Duration: 7 hr
Seat: 3A
Class: Royal First Class
Aircraft: Airbus A380-800
Registration: HS-TUD (พยุหะคีรี)

Check-in

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ขั้นตอนการเช็คอิน Royal First Class ที่สนามบินนาริตะของการบินไทย ด้วยความที่ไม่ใช่สนามบินบ้านเกิด ก็จะเป็นเพียงเคาน์เตอร์ที่แยกไว้ครับ ไม่ได้แบ่งเป็นโซนหรือห้องรับรองเหมือนที่สุวรรณภูมิ ซึ่งพนักงานต้อนรับที่สนามบินก็จะใช้คนท้องถิ่นทั้งหมด ผมได้รับการบริการเช็คอินด้วยความสุภาพเรียบร้อยมากๆ และหลังจากได้ Boarding Pass แล้ว ก็มีพนักงานเดินพาไปผ่านด่าน X-ray ช่องพิเศษครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ช่องพิเศษของสนามบินนาริตะ คือช่อง Star Alliance Gold Track นี่แหละครับ สำหรับผู้โดยสาร First Class, Business Class และสมาชิก Star Alliance Gold มาใช้ได้ ไม่ได้ถูกแยกออกมาเป็น First Class เหมือนที่สุวรรณภูมิ แต่คนก็ยังไม่เยอะมากอยู่ดี สามารถผ่านการ X-ray ได้รวดเร็วทันใจ

แต่สำหรับขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทางที่สนามบินนาริตะ ไม่มีแยกโซนนะครับ หลังผ่านการ X-ray แล้วก็ต้องไปเข้าแถวรวมกับแถวผู้โดยสารปกติ

IMG_20150204_161442

หลังจากผ่านขั้นตอน ตม. แล้ว มาดูห้องรับรองหรือ lounge ที่สนามบินนาริตะกันครับ โดยมีระบุชัดเจนไว้ใน Boarding Pass ว่าผู้โดยสาร Royal First Class สามารถเลือกใช้ lounge ที่สนามบินนี้ได้ 2 แห่ง คือ United Global First ของสายการบิน United กับ ANA Suite Lounge ของสายการบิน ANA ซึ่งผมจะพาไปดูทั้งสองแห่งเลย

United Global First Lounge, Narita Airport

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

lounge แรกที่ใช้ได้คือ lounge ของสายการบิน United ครับ ภายในจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของ United Club สำหรับชั้น Business และสมาชิก Star Alliance บัตรทอง กับส่วนของ United Global First Lounge ที่ต้องขึ้นลิฟต์ไปชั้น 4 สำหรับผู้โดยสาร First Class เท่านั้น

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

lounge ของ United Global First ที่นี่ ต้องบอกว่าค่อนข้างผิดหวังครับ ถึงแม้จะคนน้อยและมีความเป็นส่วนตัวสูง เก้าอี้นั่งเยอะ และเงียบ แต่ของกินยังต้องปรับปรุง ดูไม่ต่างจาก lounge ทั่วๆ ไปเท่าไรนัก และ lounge ของสายการบินอื่นๆ ที่ไม่ใช่ First Class ก็ยังดูมีตัวเลือกให้มากกว่านี้ครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

คนที่นั่งอยู่ใน lounge นี้ เป็นฝรั่งเกือบ 100% ครับ ใครไม่เน้นของกินก็มานั่งได้ แต่ถ้าเน้นของกินแบบชาวเอเชีย ขอเชิญไป lounge ของ ANA ครับ ผมอยู่ในนี้ 5 นาทีถ้วน เดินออกเลยจ้า

ANA Suite Lounge, Narita Airport

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ผิดหวังจาก United Global First Lounge ก็ต้องมาเยือน lounge ของสายการบินเจ้าถิ่นอย่าง ANA Suite Lounge ครับ ซึ่งสายการบิน ANA ได้แยก lounge ออกเป็น 2 ส่วนเช่นกัน คือ lounge ของ Business Class ต้องลงบันไดเลื่อนไปหนึ่งชั้น ส่วน lounge ของ First Class ใช้ชื่อว่า ANA Suite Lounge ต้องขึ้นบันไดเลื่อนมาถึงจะเจอ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ประทับใจช็อตแรก คือ พนักงานต้อนรับของ ANA Suite Lounge ให้การต้อนรับอย่างสุภาพมาก และเดินประกบ พาไปยังที่นั่งที่เราต้องการ จากนั้น พนักงานก็จะพาเดินชมไลน์อาหาร และเสิร์ฟผ้าร้อนให้ เรียกว่าถึงขั้นตอนนี้ ก็รู้แล้วครับ ว่าไม่ควรเสียเวลา 5 นาทีไปกับ lounge ของ United เลยจริงๆ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ที่ผมชื่นชอบมากใน ANA Lounge คือจะมี Noodle Bar ให้สั่งราเมงทำใหม่สดๆ ได้หลากหลายเมนู รวมถึงมีข้าวแกงกะหรี่ ข้าวหน้าเนื้อ ฯลฯ ให้เลือกสั่งด้วย ก็เลยขอจัดเทมปุระโซบะมารองท้องก่อน 1 ชาม อร่อยไม่แพ้ในเมืองเลยนะครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ซูชิ ข้าวปั้น ขนมต่างๆ มีให้บริการไม่อั้นเลยครับ และทุกชิ้นก็อร่อยมากๆ ด้วย

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เครื่องดื่มที่ให้บริการใน ANA Suite Lounge จะมีตู้กดเครื่องดื่มร้อน โซนแอลกอฮอล์หลากหลายชนิด และ ตู้แช่เครื่องดื่มเย็นให้บริการตัวเอง แต่ที่เด็ดสุดๆ คือมีตู้แช่แก้วเปล่า เพื่อใช้สำหรับดื่มเบียร์โดยเฉพาะ ไม่น่ามี lounge ไหนให้ได้ขนาดนี้แล้วล่ะครับ

IMG_20150204_163216

ไอศกรีมที่ให้บริการ มีตู้แช่ของ Häagen-Dazs เลยทีเดียว มีให้เลือกหลายรสอยู่ครับ ผมไม่พลาดที่จะคว้า Cookie & Cream มา

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ANA Suite Lounge มีบริการห้องอาบน้ำให้ด้วยนะครับ แต่วันนั้นผมมีเวลาค่อนข้างน้อย เลยไม่ได้ไปใช้บริการ และที่นี่ไม่มีเรียก Boarding และไม่มีบริการเชิญขึ้นเครื่องครับ แต่มีหน้าจอให้ดูสถานะแต่ละเที่ยวบิน เมื่อถึงเวลาก็ให้รับผิดชอบเดินไปที่ Gate ตามเวลาเอง

Boarding and Return Flight

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

การ Boarding จากสนามบินนาริตะ ไม่มีขั้นตอนอะไรพิเศษครับ มีเพียงแถวพิเศษที่จัดไว้ให้ผู้โดยสาร First, Business และสมาชิก Star Alliance บัตรทองแยกเอาไว้เท่านั้น เมื่อถึงเวลา Boarding ก็เดินขึ้นเครื่องได้ตามอัธยาศัย มีทางเดินแยกขึ้นชั้นบนของเครื่องบิน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เที่ยวบินขากลับนี้ ผมเลือกที่นั่ง 3A ซึ่งเป็นที่นั่งแถวหลังสุดของ Royal First Class ริมหน้าต่างครับ ขั้นตอนการให้บริการก็ยังคงเหมือนเดิม คือมีผู้จัดการเที่ยวบิน และ หัวหน้าพนักงานต้อนรับมาแนะนำตัว เสิร์ฟ Welcome Drink ระหว่างรอผู้โดยสารอื่นๆ ขึ้นเครื่อง แน่นอนว่ายังคงเป็นแชมเปญ Dom Pérignon 2004 เดินมาเสิร์ฟเย็นๆ ให้ถึงที่

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

หนังสือพิมพ์จากไทย มีให้เลือกหลายฉบับ หรือจะเลือกนิตยสารอื่นๆ ก็มีให้เลือกเยอะมากเช่นกัน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

17:50 น. ตามเวลาท้องถิ่น เครื่อง take off สายกว่ากำหนดประมาณ 20 นาที โดยหัวหน้าพนักงานต้อนรับแจ้งเวลาการเดินทางกลับสุวรรณภูมิรวมทั้งสิ้นประมาณ 7 ชั่วโมง หลังจากที่เครื่องทำระดับความสูงได้แล้ว อาหารมื้อแรกก็พร้อมเสิร์ฟครับ ประเดิมด้วยตะกร้าขนมปังหลายชนิด, ขนมปังกระเทียม, ไก่ย่างยากิโทริ, สลัดปู (เนื้อปูเป็นก้อนๆ เลย), กุ้ง หอยเชลล์ย่าง ตามด้วยซุปเกาลัดและมูสตับเป็ด เรียกว่าอาหารเที่ยวกลับนี้เริ่มต้นได้สวยมาก

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ทีเด็ดของเที่ยวขากลับนี้ ผมได้สั่งอาหารพิเศษนอกเหนือจากเมนูปกติเอาไว้ล่วงหน้าเช่นกันครับ โดยผมได้สั่งข้าวหน้าปลาไหลเอาไว้ล่วงหน้า จะได้ให้ครัวการบินที่สนามบินนาริตะได้แสดงฝีไม้ลายมือเสียหน่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ …

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ข้าวหน้าปลาไหลมาในกล่องเบนโตะไซส์ใหญ่บึ้ม มาพร้อมโซบะเย็น, ปลาดิบ, ผักดอง, ซุปมิโสะ และ foie gras (อีกแล้ว) เสิร์ฟพร้อมตะเกียบไม้ แค่การจัดวางก็สวยงามอลังการมากแล้วครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ข้าวหน้าปลาไหล อุ่นมาได้พอดีมากๆ อร่อยจนทานหมดเกลี้ยงครับ แต่ข้าวญี่ปุ่นมีบางส่วนแข็งไปหน่อย แล้วก็ตัวร้ายคือ foie gras ที่ไม่ได้เข้ากับอาหารญี่ปุ่นชุดนี้เลย (เหมือนตอนขามาเป๊ะ) เครื่องเคียงของอาหารญี่ปุ่นทำมาค่อนข้างลงตัว โดยรวมอาหารชุดนี้ก็ทำเอาอิ่มแบบจุกเลยเหมือนกันครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ระหว่างมื้อ เครื่องดื่มก็ยังคงมาเสิร์ฟอย่างต่อเนื่อง ผมเลือกไวน์แดง Mercurey Premier Cru 2012 มาดื่ม 1 แก้ว ก่อนที่จะขอรับน้ำเปล่ามาปิดท้ายมื้ออาหาร

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

จบจากอาหารจานหลัก ก็มีรถเข็นผลไม้สดกับชีสหลากหลายชนิดมาเสิร์ฟต่ออีกครับ รอบนี้ผมรับเฉพาะผลไม้สด ที่พนักงานต้อนรับแอบเชียร์ว่าสตรอเบอรีกับเมล่อนญี่ปุ่นหวานฉ่ำมาก และมันก็ดีงามมากๆ อย่างที่ว่าไว้จริงๆ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

จากนั้นก็ได้เวลาพักผ่อนครับ ปรับเอนนอน ได้ยาวๆ 3-4 ชั่วโมง ก่อนที่จะเสิร์ฟไอศกรีม Häagen-Dazs ปิดท้าย มีให้เลือกรส Chocolate Brownie กับ Vanilla (จำได้ว่าเมื่อก่อนมีรสชาเขียวด้วย จะถูกใจกว่านี้)

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

อ้อ ลืมบอกไปว่า บนการบินไทย Airbus A380 มี In-flight Wi-Fi ให้ใช้ด้วยนะครับ อัตราค่าบริการต่างๆ ผมเคยรีวิวเอาไว้แล้ว >> ที่นี่

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ก่อนที่กัปตันจะประกาศ Landing หัวหน้าพนักงานต้อนรับ ผู้จัดการเที่ยวบิน จะเดินมาขอบคุณผู้โดยสารทุกคนที่เลือกใช้บริการ Royal First Class ด้วยตัวเองครับ พร้อมรับคำแนะนำติชม และมอบดอกกล้วยไม้ให้เป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นช็อตที่หาได้ยากจากสายการบินอื่นๆ ครับ

Suvarnabhumi Airport Arrival

การบริการของ Royal First Class ยังไม่จบลงครับ หลังจากที่เครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ก็จะได้รับสิทธิ์เป็นผู้โดยสารกลุ่มแรกที่ได้ออกจากเครื่องบิน และก็จะพบกับพนักงานถือป้ายชื่อรออยู่ที่ประตูเครื่องบินทันที บนป้ายชื่อจะมีระบุจำนวนกระเป๋าที่เราโหลดใต้เครื่องเอาไว้ด้วย ซึ่งพนักงานจะพาขึ้นรถ Buggy จากประตูเครื่องบิน ไปยังโซนตรวจหนังสือเดินทางช่องพิเศษทันที ไม่ต้องเดินไกลครับ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

หลังจากผ่านขั้นตอนของ ตม. แล้ว พนักงานคนเดิมก็จะพามารอที่สายพานรับกระเป๋า (ซึ่งกระเป๋าของ First Class จะออกมาก่อน) เพื่อทำการยกและเข็นกระเป๋าให้ ไปส่งจนถึงรถที่มารอรับหน้าสนามบิน หรือถ้าใครจอดรถไว้ที่อาคารจอดรถ ก็เข็นไปส่งให้ถึงรถแบบตัวต่อตัวเลยครับ เป็นอันเสร็จสิ้นการบริการระดับ Royal First Class ของการบินไทย

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Conclusion

จากประสบการณ์ การบินไทยยังมีจุดแข็งอย่างมากครับ ในการบริการของชั้นพรีเมียมที่เรียกว่า ตลอดเวลารวมสิบกว่าชั่วโมงบนเที่ยวบินไปและกลับนี้ แทบไม่มีอะไรให้ติเลย และพนักงานที่ให้บริการมี service mind สูงมากๆ สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจ Royal First Class เส้นทางญี่ปุ่น หรือเส้นทางอื่นๆ ผมขอแนะนำตามนี้ครับ

  • เดินทางไปญี่ปุ่น ใช้ไฟลต์ TG676 ออกจากกรุงเทพ 8 โมงเช้านี่ดีที่สุดแล้วครับ เพราะเที่ยวบินนี้ใช้ Airbus A380 ตลอด ส่วนไฟลต์กลางคืน จะมีสลับไปใช้ Boeing 787 Dreamliner ด้วย ที่ไม่มีชั้น Royal First และเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพใช้เวลาค่อนข้างน้อย เดินทางข้ามคืน จะคลาสไหนก็นอนบนเครื่องจริงๆ ได้ไม่กี่ชั่วโมงหรอกครับ ไปถึงโตเกียวตอนเช้าก็จะเหนื่อยมาก
  • ถ้าใช้ TG676 ไปถึงสุวรรณภูมิประมาณ 6 โมงเช้ากำลังดีครับ หากได้รับแจ้งว่าเที่ยวบิน Delay ก็ให้ไปจองบริการนวด ใน Royal First Lounge ไว้เลย
  • เลานจ์ที่สนามบินนาริตะ ต้องใช้ ANA Suite Lounge เท่านั้น อย่าไปเสียเวลากับ United Global First ครับ
  • อาหารบน Royal First Class ดีงามมากทุกจาน แต่ขอเถอะ เลิกเอา Foie Gras มารวมกับอาหารทุกจานแบบไม่เลือกชาติเสียที
  • ใครชอบอาหารแปลกใหม่ แนะนำให้สั่ง Special Meal ล่วงหน้าก่อนเดินทางครับ สั่งได้ทั้งผ่านคอลเซ็นเตอร์ และ ผ่านหน้าออนไลน์บนเว็บของการบินไทย ถ้าสั่งมาแล้วไม่ชอบ ก็ยังเลือกจากเมนูปกติบนเครื่องบินได้อีก เรียกว่ามีให้กินจนจุกกันไปข้าง
  • ถ้าจะเดินทางด้วย Royal First Class บนเครื่องบินแบบ Boeing 747-400 แนะนำให้ถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ลงไปอีกนิดครับ ว่าเป็นเครื่องที่เปลี่ยนชั้น First Class เป็นแบบใหม่หรือยัง เพราะในบรรดา 747-400 จำนวน 12 ลำตอนนี้ มี First Class แบบใหม่อยู่ 6 ลำครับ และหมุนเวียนตามเส้นทางต่างๆ แบบไม่แน่นอน ส่วนถ้าเป็นเครื่องบินแบบ Airbus A340-600 ยังคงเป็นที่นั่ง First แบบเก่าทั้งหมดครับ ไม่มีตัวเลือก

สนนราคาค่าตั๋ว Royal First Class เส้นทางไปกลับกรุงเทพ-โตเกียว อยู่ที่ประมาณ 88,000 บาทครับ (ตั๋วแบบซื้อ จะสามารถสะสมไมล์ได้ 150% จากระยะทางบินจริง) หรือถ้าใครใช้ไมล์ Royal Orchid Plus แลก ก็จะใช้ 110,000 ไมล์ บวกค่าภาษีสนามบินอีกประมาณ 9,000 บาทครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save