รีวิวไฟลต์สุดน่ารัก เครื่องบิน “Gudetama” ไข่ขี้เกียจ ลำเดียวในโลก

รีวิวไฟลต์วันนี้ ทำเอาผมตื่นเต้นกว่าเที่ยวบินอื่นๆ ที่เคยรีวิวมาเลยครับ เพราะวันนี้ผมจะพาทุกคนไปขึ้นเครื่องบิน “Gudetama” หรือไข่ขี้เกียจ ที่เป็นหนึ่งในตัวละครซานริโอสุดน่ารัก โดยเป็นเครื่องบินของสายการบิน EVA Air ที่ทำออกมาเพียงลำเดียวเท่านั้น

Disclosure: บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากสายการบินหรือตัวแทนที่เกี่ยวข้อง

ก่อนหน้านี้ EVA Air สายการบินสัญชาติไต้หวัน ได้เคยทำเครื่องบินลวดลายพิเศษ หรือ special livery ในลายของ Hello Kitty ออกมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นผมก็หาทางไปรีวิวมาให้ชมกันไปแล้วครั้งนึง (ใครยังไม่เคยอ่าน แนะนำให้กดไปดูกันได้ที่นี่ >> รีวิว เครื่องบินที่มุ้งมิ้งกระดิ่งแมวที่สุดในโลก Hello Kitty Jet <<) โดยเครื่องบินในลาย Hello Kitty ของ EVA Air นั้น ปัจจุบันก็ยังมีให้บริการอยู่นะครับ มีทั้งหมด 6 ลำ โดยจะปรับเปลี่ยนเส้นทางบินไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล แต่ก็ยังไม่มีเส้นทางกรุงเทพฯ มาให้คนไทยได้คุ้นเคยกันเสียที กว่าจะรีวิวได้ก็ต้องบินไปนอนไทเปสักคืนนึงก่อน

เครื่องบิน EVA Air – Hello Kitty ที่ผมเคยรีวิวไว้เมื่อปี 2015

ล่าสุด EVA Air ก็เปิดตัวเครื่องบินลายพิเศษลายใหม่มาอีกครั้งครับ คราวนี้มาในลวดลายของ Gudetama หรือตัวไข่ขี้เกียจ ที่หลายคนชื่นชอบ ซึ่งผมเห็นข่าวนี้ครั้งแรก ก็ตื่นเต้นอยากจะหาทางไปขึ้นเครื่องลำนี้ให้ได้ และวันนี้ก็สำเร็จแล้วครับ ตามหาและศึกษาเส้นทางบินของเจ้าเครื่องบิน Gudetama อยู่สักพัก ก็ทำการจองมาลิ้มลองทันที

เครื่องบินลาย Gudetama ที่ EVA Air เปิดตัวมานี้ เป็นเครื่องบินแบบ Airbus A321-200 ครับ ซึ่งเป็นเครื่องบินลำตัวแคบ ขนาดเล็ก (ไซส์เดียวกับที่ Thai AirAsia ใช้นั่นแหละครับ) และมีเพียงแค่ลำเดียวเท่านั้น ถ้าพร้อมแล้ว ไปชมกันเลยครับ

Flight: BR196

Route: TPE-NRT
Date: 3 May 2017
Departure Time: 15:20
Arrival Time: 19:40
Duration: 3 hr 20 mins
Seat: 2C
Class: Business Class
Aircraft: Airbus A321-200
Registration: B16205

ด้วยความที่เป็นสายการบิน EVA Air ก็เลยมีถิ่นฐานอยู่ที่ไทเปครับ ผมเลยเลือกที่จะเริ่มเดินทางออกจากไทเป โดยเส้นทางที่เจ้าเครื่องบิน Gudetama ทำการอยู่ ณ วันนี้ มี 2 เส้นทาง คือจากไทเป ไปโตเกียวนาริตะ กับจากไทเป ไปเกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เท่านั้น ผมดูแล้วไฟลต์ที่ลงตัวคือไฟลต์นี้แหละครับ BR196 จาก ไทเป ไปยังโตเกียวนาริตะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที ผมเลือก Business Class บนไฟลต์นี้ เพื่อจะได้รีวิวกันแบบจัดเต็มไปเลย (ของเล่นใน Business Class จะเยอะกว่า Economy พอสมควร)

Check-in

มาเริ่มที่ขั้นตอนการเช็กอินครับ ที่สนามบินไทเปเถาหยวนนี้ ได้ทำการแบ่งเคาน์เตอร์ Business Class แยกออกมาเป็นแถวต่างหาก (เหมือนการบินไทยทำที่สุวรรณภูมินั่นแหละครับ) แต่ก็ยังมีหน้าจอของเคาน์เตอร์นึง แสดงภาพของไฟลต์พิเศษ หรือ special livery เอาไว้

หรือถ้าเป็นแถวของ Economy ก็จะเป็นเคาน์เตอร์ที่แยกไว้สำหรับไฟลต์ลวดลายพิเศษโดยเฉพาะเหมือนกันครับ

เช็กอินแล้ว ก็จะได้ boarding pass สุดน่ารักมาแบบนี้เลย มุ้งมิ้งกันตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวเครื่องบิน ซึ่งหากไม่ได้บินไฟลต์ที่ใช้เครื่องบินลายพิเศษ ก็จะได้รับเป็น boarding pass ลวดลายปกติครับ

เดินผ่านในตัวสนามบินไทเป ทางสายการบิน EVA Air ก็มีโซนที่ตกแต่งด้วยตัวละคร Hello Kitty เอาไว้หลายส่วน เพื่อใช้ในการโปรโมตเครื่องบินลวดลายพิเศษของเค้าเอาไว้ด้วย

The Gudetama Plane!

ผมขออนุญาตข้ามในส่วนของเลานจ์ EVA ที่สนามบินไทเป (TPE) แห่งนี้ไปเลยนะครับ เพราะเคยรีวิวไปหลายครั้งแล้ว ผมพุ่งตรงมาที่ Gate C10 ก็เจอกับเจ้าเครื่องบินลาย Gudetama จอดรอให้เราขึ้นเครื่องอยู่อย่างน่ารักทีเดียว

เครื่องบินลำนี้ มีการบันทึกขั้นตอนการลงสีเอาไว้ด้วยนะครับ ดูแล้วโคตรน่ารัก คลิปนี้ทาง EVA Air US อัปโหลดเอาไว้

มาดูใกล้ๆ อีกรูปครับ ระหว่างที่ผมถ่ายรูปนี้ ก็มีเด็กๆ สาวๆ มารุมถ่ายเซลฟี่กันริมกระจกสนามบินเต็มไปหมด กรี๊ดกร๊าดกันน่าดูเลยแหละ

Boarding

ขั้นตอนการขึ้นเครื่องของไฟลต์นี้ ก็เป็นไปตามขั้นตอนปกตินะครับ มีการแบ่งแถว และเรียกขึ้นเครื่องเริ่มจากผู้โดยสาร Business Class และสมาชิกบัตรทอง/บัตรไดมอนด์ก่อน จากนั้นถึงจะเป็นการเรียกขึ้นเครื่องของผู้โดยสาร Economy แบ่งตามโซนที่กำหนดไว้ใน boarding pass ตรงนี้ไม่มีอะไรพิเศษครับ

On-board!

ขึ้นเครื่องมาแล้ว ให้ดูที่ชั้น Business Class กันก่อนครับ เครื่องบินลำนี้มีขนาดเล็ก เลยมี Business Class แค่ 8 ที่นั่งเท่านั้น (และวันนี้ก็มีผู้โดยสาร Business Class รวมผมแล้ว แค่ 3 คนเอง) เป็นที่นั่งไซส์ใหญ่ทีเดียว แบ่งที่นั่งแบบ 2-2 จำนวน 2 แถว ปรับเอนนอนราบไม่ได้ แต่ละที่นั่ง มีหมอนขนาดใหญ่ ลาย Gudetama วางไว้ให้อย่างสวยงาม น่าพุ่งเข้าไปนั่งอย่างมาก

เนื่องจากผมเดินขึ้นเครื่องมาเป็นคนแรก เลยแว้บไปถ่ายรูปเคบิน Economy มาให้ดูด้วยครับ นี่มันโคตรบ้าาาา แต่ละคนเดินขึ้นมาเห็นนี่กรี๊ดกร๊าดสุดๆ น่ารักระดับ 88888 ทะลุสเกลกันไปเลย

มาดูหมอนชัดๆ ครับ

ด้านหลังเป็นสีส้ม เขียนว่า Gudetama EVA Air

นั่งได้แปบนึง พนักงานต้อนรับชาวญี่ปุ่น เดินมาเสิร์ฟ welcome drink เป็นแชมเปญ และ ผ้าร้อน แต่ที่สะดุดตากว่านั้น กลับเป็นทิชชู่เช็ดปากที่วางมาให้

เป็นลาย Gudetama!

ค้นกระเป๋าหน้าที่นั่งดูบ้างครับ มีถุงอ้วก กับ safety card ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเลย น่าจิ๊กลงจากเครื่องมากๆ

เกร็ดความรู้: แม้ว่าจะไม่ได้มีข้อห้ามที่ชัดเจนของแต่ละสายการบินในการนำ SAFETY CARD ออกจากเครื่องบิน แต่ไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะเครื่องบินมีกฎเกณฑ์ด้านความปลอดภัยว่าจำเป็นต้องมี SAFETY CARD ประจำให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งถึงจะออกเดินทางได้ การที่ผู้โดยสารแอบนำ SAFETY CARD ลงจากเครื่องเกินกว่าจำนวนที่ลูกเรือสำรองไว้ อาจทำให้เที่ยวบินถัดไปล่าช้าโดยไม่จำเป็น และสร้างความเดือดร้อนให้กับคนจำนวนมาก ถ้าอยากได้มาเก็บไว้ แนะนำให้ “ขอ” จากลูกเรือ ซึ่งลูกเรือมักจะนำส่วนที่สำรองไว้มาให้ แบบนี้จะไม่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ใครด้วย

ถุงสีน้ำตาลเข้มๆ อันนี้ คือรองเท้าแตะสำหรับใช้บนเครื่องบินครับ (อันนี้ economy ไม่มีนะ) ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ EVA Air แจกให้กับผู้โดยสาร Business Class ของเครื่องบินปกติรุ่นอื่นๆ ของเค้าอยู่แล้ว ผมก็เข้าใจว่า น่าจะเอาซองมาสกรีนลายแค่นั้น

แต่พอแกะดู โห มีลายอยู่บนรองเท้าด้วยครับ ใส่ใจทุกรายละเอียด อันนี้เอาลงจากเครื่องมาใช้ที่บ้านได้เลยตามสบาย

เมนูอาหาร และ เครื่องดื่ม มาแล้วครับ ลูกเรือเดินมาแจกให้ ผมนี่แทบจะไม่ได้สนใจเมนูด้านในเลยว่ามีอะไรให้กินบ้าง

เปิดดูด้านใน เมนูเป็นอาหารปกตินะครับ ไม่ได้เสิร์ฟแต่เมนูไข่ 5555 สำหรับ Business Class มีให้เลือกเยอะพอสมควร ผมจิ้มเมนูแบบญี่ปุ่นไป

ที่นั่งนี่จริงๆ ถือว่าเป็นที่นั่ง Business Class แบบเก่ามากครับ ปรับอะไรไม่ค่อยได้เลย มีปุ่มปรับปุ่มเดียวคือ ปรับเอนหลัง แค่นั้นเลยจริงๆ

รีโมตควบคุมหน้าจอ แปะอยู่ข้างๆ ที่วางแขนครับ

ส่วนหูฟัง เป็นหูฟังแบบ noise cancellation ที่ EVA Air ใช้กับ Business Class ปกติทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษครับตัวนี้

ถ่ายรูปอยู่แป๊บนึง พนักงานต้อนรับเดินเอาไพ่มาให้หนึ่งกล่องครับ เป็นลาย Gudetama ทั้งเซ็ตเลย อันนี้แจกให้ฟรีแบบไม่มีเหตุผลใดๆ รองรับ 555

ถ่ายรูปความมุ้งมิ้งของที่นั่งกันหน่อยครับ

ขนมขบเคี้ยวก่อนเสิร์ฟอาหารมาแล้วครับ เป็นถั่วนานาชนิด ส่วนเครื่องดื่มผมเลือกแชมเปญอีกครั้ง และถึงจะเป็นเที่ยวบินมุ้งมิ้ง แต่การบริการก็ยังเป๊ะอยู่นะครับ ไม่ต่างจาก EVA Air ไฟลต์อื่นๆ ที่เคยใช้บริการกันมา

ดูความน่ารักของกระดาษรองแก้วนั่นสิ..

ถึงเวลาเสิร์ฟอาหารหลักแล้วครับ พนักงานเดินมากางโต๊ะ และปูผ้าให้ โดนผ้าปูโต๊ะนี่ก็เป็นลายมาตรฐานของ EVA Air ในชั้น Business Class ทั่วไป ไม่ได้ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ (เข้าใจว่าเครื่องบิน Gudetama นี่มี Business Class แค่ 8 ที่นั่งครับ ถ้าจะทำอะไรยิ่งใหญ่อาจจะไม่คุ้มเท่าไหร่)

ที่สะดุดตากว่านั้น คือชุดของพนักงานต้อนรับ ที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพู และมีตุ๊กตา Gudetama กลัดไว้ที่หน้าอกด้วย อยากจิ๊กกลับบ้าน

อาหารจานหลักมาเสิร์ฟแล้วครับ เป็นถาดใหญ่เลย ซึ่งไม่ได้มีอะไรที่เป็นลวดลาย Gudetama นะครับ มาเป็นเซ็ตญี่ปุ่นอลังการทีเดียว

มีป้ายกำกับด้วยนะครับ อาหารเซ็ตนี้ ปรุงโดยทายาทรุ่นที่ 6 ของเชฟระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาว ของร้าน Nakamura จังหวัดเกียวโต ซึ่งก็อร่อยสมคำร่ำลือ ถูกปากทุกจาน ไม่มีผิดหวังครับ

ปิดท้ายด้วยของหวาน เป็นเยลลี่ฟรุตโยเกิร์ต ผลไม้หลากหลายอย่าง ชิ้นใหญ่เต็มคำ เสิร์ฟมาพร้อมชาเขียวร้อน

พนักงานเดินมาแจกใบ ตม. สำหรับกรอกเข้าประเทศญี่ปุ่น ผมขอปากกามากรอก ก็ไม่วายเจอเจ้าไข่ขี้เกียจนี้บนปากกาอีก ได้กลับบ้านมา 2 ด้าม

ยังไม่พอแค่นั้นครับ ในหนังสือ Duty Free บนเครื่องบิน ก็มีสินค้า Gudetama ขายด้วย ผมเลยโดนเซ็ตนี้มา เป็นชุดอุปกรณ์ติดกระเป๋าเดินทาง

หน้าตากล่องของจริงเป็นแบบนี้

จ่ายเงินเรียบร้อย แพ็กใส่ถุงของ EVA Sky Shop ลวดลายพิเศษเช่นกันครับ

ก่อนจบไฟลต์ ผมขอน้ำเปล่าอีกแก้ว รอบนี้พนักงานน่ารักมาก รินน้ำมาให้ในถ้วยกระดาษที่เป็นลาย Gudetama ที่พนักงานบอกว่า ปกติถ้วยนี้จะใช้เสิร์ฟในชั้น Economy (ส่วนของ Business จะเป็นแก้วใสๆ ปกติ) เค้าเลยจัดมาให้ แถมให้เป็นถ้วยเปล่าๆ แถมกลับบ้านมาให้ด้วยครับ

สรุป

ผมว่าใครชอบ Gudetama นี่ต้องโคตรฟิน หลุดไปในโลกสวนสนุกอย่างแท้จริง เวลา 3 ชั่วโมงกว่าๆ นี่ผ่านไปเร็วมากครับ ขนาดผมเองไม่ใช่แฟน Gudetama อะไรเลยยังรู้สึกว่า EVA Air ทำได้น่ารักมาก และทำให้บรรยากาศการเดินทางสนุกสนานขึ้นมาก โดยที่ไม่ได้ทำให้ประสบการณ์โดยรวมของการเดินทางสูญเสียไป ยังมีการบริการที่ได้มาตรฐานของ EVA Air อยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ใครที่สนใจอยากลอง แนะนำให้หาข้อมูลเส้นทางที่เว็บ www.evakitty.com ก่อนครับ ในนั้นจะมีบอกว่า เครื่องบินลายพิเศษลายไหน บินไปไหน ในไฟลต์ไหนบ้าง แต่ข้อควรระวังคือมันไม่ได้บินทุกวัน มันจะมีช่วงที่ยกเว้นอยู่บ้างเรื่อยๆ หรือบางทีก็บอกล่วงหน้าไม่นานว่าจะยกเว้นช่วงเวลาไหน ตอนผมวางแผนจะจองไฟลต์นี้ก็กลัวจะวืดอยู่เหมือนกันครับ ความยากคือทุกไฟลต์จะเป็นเส้นทางไทเปทั้งหมด (และยังไม่มีเส้นทางกรุงเทพฯ) จึงอาจจะยากสำหรับหลายๆ คนอยู่พอสมควรครับ ส่วนราคาค่าตั๋วนั้น เป็นราคาปกตินะครับ ไม่มีการบวกเพิ่มในไฟลต์พิเศษแบบนี้แต่อย่างใด

พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ

บทความโดย: อู๋ @spin9

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save