รีวิว First Class Suite สายการบิน Asiana หรู เนี๊ยบ สไตล์เกาหลี

รีวิววันนี้ ผมพาไปขึ้น First Class ของอีกหนึ่งสายการบินจากฝั่งเอเชียที่น่าสนใจมากๆ อย่างสายการบินเอเชียน่า (Asiana Airlines : OZ) สายการบินเอกชนสัญชาติเกาหลีใต้ หนึ่งในสมาชิกในกลุ่ม Star Alliance โดยวันนี้เป็นชั้น First Class แบบ Suite บนเครื่องบินแบบ Airbus A380 ครับ

Disclosure: บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากสายการบินหรือตัวแทนที่เกี่ยวข้อง
asiana-airlines-logo

สายการบิน Asiana เป็นสายการบินเอกชนของประเทศเกาหลีใต้ ที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 1988 และเป็นสายการบินหลักของประเทศเกาหลีใต้ ควบคู่กับ Korean Air โดยมีความน่าสนใจคือ Asiana Airlines เป็นหนึ่งในสายการบินในกลุ่มสมาชิก Star Alliance ที่มีเส้นทางเชื่อมไปยังทวีปอเมริกาเหนือหลากหลายเมือง และก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคนไทยที่จะใช้เดินทางไปยังทวีปอเมริกาเหนืออยู่บ่อยครั้ง รวมถึงเอเชียน่ายังเป็นสายการบินที่มีโค้ดแชร์ร่วมกับการบินไทยอยู่เป็นประจำอีกด้วยครับ

asianaa380

สำหรับไฟลต์วันนี้ ผมจะพาไปขึ้น First Class บนเครื่องบินแบบ Airbus A380 ซึ่งทาง Asiana ได้จัดไว้เป็นห้อง Suite ที่สามารถปิดประตูได้แบบส่วนตัวสุดๆ และทำการบินเส้นทางไกล จากลอสแองเจลิส มายังสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ด้วยระยะเวลาการบิน 13 ชั่วโมง 20 นาที จัดเต็มด้วยบริการขั้นสุดยอดจาก Asiana ในสไตล์เกาหลีกันครับ

Flight: OZ203

Route: LAX-ICN
Date: 17 Nov 2016
Departure Time: 00:30
Arrival Time: 06:50
Duration: 13 hr 20 mins
Seat: 3A
Class: First Suite
Aircraft: Airbus A380-800
Registration: HL7640

Check-in

img_1224

การเช็กอินที่สนามบินลอสแองเจลิส (LAX) ก็ไม่ได้มีขั้นตอนอะไรพิเศษครับ เคาน์เตอร์สายการบิน Asiana Airlines ถูกแบ่งแถวเช็กอินตามคลาสที่นั่งเอาไว้เรียบร้อย โดยส่วนของ First Class ที่เคาน์เตอร์เช็กอินบนหน้าจอจะระบุชัดเจนเลยว่าเป็น First Suites (ถ้าเป็น First Class บนเครื่องบินแบบอื่นที่ไม่ใช่ Airbus A380 ก็จะระบุว่าเป็น First เฉยๆ)

img_1225

ได้บอร์ดดิ้งพาสมาแล้ว เจ้าหน้าที่แจ้งว่าวันนี้เที่ยวบินจะล่าช้าประมาณ 30 นาทีครับ โดยสามารถใช้เลานจ์ของ Star Alliance ที่สนามบิน LAX แห่งนี้เพื่อพักผ่อนก่อนขึ้นเครื่องได้

Star Alliance Lounge, Los Angeles International Airport 

img_1226

เลานจ์ Star Alliance ที่สนามบินแห่งนี้ ไม่ได้ถูกแบ่งสายการบินเอาไว้เหมือนกับที่เรามักจะคุ้นเคยกับสนามบินอื่นๆ นะครับ แต่ว่าถูกเหมาเอาสายการบินในกลุ่ม Star Alliance มาใช้งานในเลานจ์เดียวกันหมดเลย ไม่ว่าจะเป็น ANA, EVA หรือ Asiana ก็เข้ามาใช้รวมกันหมด และไม่ได้มีแบ่งโซนของ Business Class และ First Class ออกจากกันด้วย

img_1227

มีที่นั่งแยกเป็นหลายมุม และมีของกินบริการอยู่พอสมควร แม้ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรนะครับ

Boarding

img_1229

เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง ผมเดินมาที่เกต ก็ตกใจมากครับ เพราะแถวต่อคิวขึ้นเครื่องยาวเหยียดแบบสุดๆ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเลย์เอ้าท์ของสนามบิน LAX ที่ไม่เอื้อกับการต่อคิวขึ้นเครื่องแบบยาวๆ ทำให้ล้นออกมาจนน่าตกใจแบบนี้

img_1230

สายการบิน Asiana ได้แบ่งแถวการขึ้นเครื่องเป็นสามส่วนครับ ส่วนแรกคือผู้โดยสาร First Class กับ Business Class รวมเป็นแถวเดียวกัน ส่วนที่สองเป็นแถวของสมาชิกบัตรทอง Star Alliance และแถวที่สาม เป็นแถวของผู้โดยสาร Economy ซึ่งเครื่องบินแบบ Airbus A380 นี้ มีจำนวนที่นั่งของ Economy มากถึง 417 ที่นั่ง นั่นคือสาเหตุว่าทำไมเราถึงได้เห็นแถวขึ้นเครื่องที่ยาวเหยียดขนาดนั้น

On-board

เราย้ายตัวเองขึ้นมาอยู่บนเครื่องดีกว่าครับ เพื่อมาสัมผัสประสบการณ์ First Class ของสายการบินเกาหลีบ้าง ที่ร่ำลือนักเรื่องความเป๊ะ (และความน่ารักของสาวๆ แอร์ในสไตล์เกาหลี) ผังที่นั่ง First Suite บนเครื่อง Airbus A380 สายการบิน Asiana เป็นแบบนี้ครับ

asiana-first-a380
img_1435

มีการจัดที่นั่งแบบ 1-2-1 แบ่งเป็นห้อง Suite ของแต่ละที่นั่งอย่างสวยงาม โดยวางตำแหน่งที่บริเวณส่วนหน้าสุด ชั้นล่างของเครื่องบิน มีทั้งหมด 12 ที่นั่ง มีประตูสำหรับบอร์ดดิ้งเป็นของตัวเอง ไม่แออัด และเป็นส่วนตัวอย่างมากครับ

img_1409

ผมได้ที่นั่ง 3A ครับ เดินมาถึงที่นั่งก็จะเจอกับ Suite ที่มีผนังกั้นรอบทิศ เบาะที่นั่งขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนสบายตา และดูสะอาดสะอ้านมาก

Seat Features

img_1411

เมื่อเข้ามานั่งแล้ว ก็จะเจอกับหน้าจอความบันเทิงขนาด 32 นิ้ว (น่าจะใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเจอบนเครื่องบินเลยนะ) เต็มตาสุดๆ ฝั่งตรงข้ามมีเก้าอี้ Ottoman สำหรับนั่งได้ (เผื่อเอาเพื่อนมานั่งคุยกันได้อีกคน) และมีผ้าห่มผืนใหญ่วางเอาไว้ให้ โดยที่นั่งในโซน First Suite นี้ จะไม่มีช่องเก็บของเหนือศีรษะครับ เพื่อให้พื้นที่เหนือศีรษะโล่งๆ ไม่รู้สึกอึดอัด ต้องวางกระเป๋าเอาไว้ใต้ที่นั่งฝั่งตรงข้าม หรือถ้ากระเป๋าใบใหญ่ จะต้องฝากกับน้องแอร์คนสวยไว้

img_1412

บริเวณขอบของประตูห้อง Suite สามารถเปิดออกมาได้ เพื่อใช้เก็บเสื้อสูทครับ ดึงออกมาจะมีไม้แขวนเสื้อที่เตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี ช่องกว้าง เก็บได้แบบไม่ยับตลอดเที่ยวบิน แถมยังมีกระจกบานเล็กๆ เอาไว้แต่งตัว เช็คหน้าเช็คผม ก่อนลงจากเครื่องได้ด้วย

img_1413

อีกฝั่งบ้างครับ แต่ละส่วนสามารถเปิดขึ้นมาได้ โดยช่องใหญ่สุดเป็นช่องเก็บโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่มากๆ (เดี๋ยวค่อยให้ดูตอนกางโต๊ะเพื่อพร้อมเสิร์ฟนะครับ) และช่องที่เห็นไกลๆ หน้าทีวี เป็นช่องเก็บของ โดยมีปลั๊กแบบ Universal สำหรับชาร์จไฟ อยู่ใต้ที่นั่งเล็กๆ นั่งตรงข้าม

img_1414

ถัดมาอีกช่อง อันนี้เป็นที่เก็บรีโมทควบคุมหน้าจอความบันเทิงครับ รีโมทชุดนี้จะมีหน้าจอทัชสกรีนในตัวด้วย (รุ่นเดียวกับที่การบินไทยใช้กับเครื่องบินรุ่นใหม่ๆ ของตัวเอง เช่นใน Boeing 787 หรือ Airbus A350) เป็นหนึ่งในชุดควบคุมความบันเทิงที่ใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว และทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน

img_1427

ช่องสุดท้าย บริเวณที่วางแขนซ้าย เป็นช่องใหญ่ สามารถเปิดมาเก็บของได้ และยังเป็นตำแหน่งของที่เสียบหูฟัง กับที่ชาร์จ USB ด้วยครับ

img_1415

ด้านขวาของที่นั่ง เป็นตำแหน่งที่เก็บแมกกาซีนและ Safety Card รวมถึงเป็นตำแหน่งของปุ่มปรับที่นั่ง ที่สามารถปรับได้สองทาง คือปุ่มที่ฝังอยู่ที่แผงด้านข้าง หรือจะปรับผ่านแท็บเล็ตที่ให้มาก็ได้ โดยในแท็บเล็ตจะปรับได้ละเอียดกว่ามากๆ ครับ

img_1449
img_1448

ปรับที่นั่งได้ละเอียดขนาดไหน ลองดูจากรูปก็ได้ครับ เรียกได้ว่าละเอียดจนงงกันไปข้างนึงเลยทีเดียว

img_1450

นอกจากตำแหน้่งที่นั่งแล้ว แท็บเล็ตตัวนี้ยังสามารถใช้เปิดปิดไฟในห้อง Suite ได้ด้วยครับ ซึ่งมันมีทั้งไฟอ่านหนังสือ ไฟปลายเตียง หรือจะกดปุ่มเดียวเพื่อปิดไฟทุกดวงอย่างรวดเร็วก็ได้

img_1451

สุดท้ายของแท็บเล็ตตัวนี้ คือสามารถกดเพื่อเปิดโหมด Do Not Disturb ได้ด้วยครับ โดยจะมีไฟแสดงสถานะปรากฏอยู่ด้านนอกห้อง Suite เพื่อบอกลูกเรือว่าเราต้องการพักผ่อนนั่นเอง

img_1423

หูฟังที่ให้มา เป็นหูฟัง Noise Cancellation ของ Bose ครับ เลือกใช้ของดี ต้องไปให้สุด

img_1424แน่นอนว่าไฟลต์ยาว บน First Class ก็ต้องมีชุดนอนมาให้ด้วยครับ แพ็กใส่ถุงผ้ามาให้อย่างดี โดยน้องแอร์คนสวยจะเดินมาแจกให้ทีหลัง ตามไซส์ของผู้โดยสาร

img_1425รองเท้าแตะสำหรับใส่บนเครื่อง ก็ยังแพ็กใส่ถุงผ้ามาให้เป็นอย่างดีครับ พรีเมียมทุกจุดมากๆ

img_1426

img_1462ชุดกระเป๋า amenity ที่แจกให้ เป็นของ Salvatore Ferragamo ทั้งหมดครับ ตั้งแต่กระเป๋า ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ด้านใน มาครบทั้งลิปบาล์ม โลชั่น แฮนด์ครีม โคโลญ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะอวดพื้นฐานต่างๆ เช่นแปรงสีฟัน ผ้าปิดตา ที่อุดหู มาให้อย่างครบถ้วน

In-flight Cuisine

img_1461

นั่งได้สักพัก ก็จะมีเมนูอาหารบนไฟลต์นี้ พร้อม Wine List มาแจกให้ครับ

img_1465

ผมเลือกรับชุดอาหารเกาหลี Korean Royal Cuisine ครับ โดยออเดิร์ฟแรกมาเสิร์ฟเป็นค๊อกเทลกุ้งก่อน

img_1468แชมเปญที่ Asiana เลือกเสิร์ฟ เป็น Pol Roger Sir Winston Churchill 2004 ครับ เลือกใช้ของดีมาก และให้แบบไม่ยั้ง ขอทั้งขวดก็ให้ครับ

img_1471

ก่อนที่เริ่มความเป็นอาหารเกาหลี ต้องชุดนี้ก่อนเลยครับ ชุดคาเวียร์ ที่ Asiana เลือกใช้คาเวียร์ Calvisius Oscietra Royal เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง ฟินสุดๆ นะครับชุดนี้

img_1475

จบจากคาเวียร์ เริ่มเข้าสู่ความเป็นอาหารเกาหลีกันบ้างครับ จานนี้ที่เห็นคือสลัดโสมเกาหลี ราดด้วยมัสตาร์ด รสชาติแปลกๆ แต่ก็เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว

img_1477

ตามด้วยซุปฟักทองสไตล์เกาหลีครับ จานนี้หวานมาก และซุปข้นมาก คือมันก็อร่อยนะ แต่ด้วยความที่มันหวานเกินไปนิด ผมยอมแพ้ ทานได้ไม่หมดครับ

img_1478

มาถึงชุดเมนคอร์ส แบบเต็มสตรีมครับ ที่ทาง Asiana เรียกว่าเป็น Korean Royal Cuisine ประกอบไปด้วยชุด Bibimbap กับเนื้อ Bulgabi เสิร์ฟมาด้วยเครื่องเคียงหลายอย่าง ข้าวสวยร้อนๆ ซุป ผักดอง สาหร่ายทอดกรอบ คลุกเคล้าเข้ากันได้อย่างดีงามมากๆ และขอเพิ่มได้ทุกอย่าง เป็นหนึ่งในมื้ออาหารบนเครื่องบินที่ผมชอบมากที่สุดมื้อนึงเลยครับ

img_1479
img_1480
img_1481

ให้ดูแต่ละจานกันแบบชัดๆ ครับ โดยเฉพาะเนื้อ Bulgabi นี่ อื้อหือออ แต่ละคำ แต่ละชิ้น กลมกล่อมมากๆ ทำดีจริงๆ ครับชุดนี้

img_1483

ผลไม้สด ตามมาปิดท้ายมื้ออาหารครับ สด อร่อยดี แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ

img_1484

แต่ Asiana ยังไม่ยอมให้จบง่ายๆ ครับ มาแถมด้วยขนมหวานพื้นเมืองของเกาหลี ผมไม่แน่ใจว่าจานนี้เรียกว่าอะไร กรอบๆ หวานๆ จบได้แบบน่ารักดีนะครับ

Lavatory 

img_1432

ผมลุกมาห้องน้ำ เพื่อมาเปลี่ยนชุดนอนที่ Asiana ให้มาครับ พบว่าในโซน First Suite นี่มีห้องน้ำให้ใช้ 2 ห้องเลย ชนิดที่ไม่ต้องแย่งกับใคร และห้องที่เห้นนี้คือห้องน้ำห้องใหญ่ครับ จะมีเบาะที่นั่ง ที่สามารถพับลงมาทับส่วนของส้วมได้ ให้มีพื้นที่ใช้สอยอย่างเต็มที่ เปลี่ยนชุดได้แบบไม่อึดอัด อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องน้ำมีมาให้อย่างครบถ้วน และใช้ผลิตภัณฑ์ของ L’Occitane มีสเปรย์น้ำแร่ Evian สำหรับฉีดหน้า และมีกระจกพร้อมไฟสำหรับแต่งหน้าแต่งตัวให้แบบครบพร้อม เจ๋งมากครับ

img_1430

Flat Bed

เดินกลับมาที่นั่ง ก็พบว่าที่นั่งถูกแปลงร่างให้กลายเป็นเตียงไว้เรียบร้อยแล้วครับ โดยที่ไม่ต้องสื่อสารอะไรกันมากนัก เข้าใจว่าพอแอร์เห็นผู้โดยสารลุกไปห้องน้ำพร้อมถือชุดนอนเข้าไปเปลี่ยนด้วย ก็จัดแจงปูเตียงรอไว้เลยทันที ออกมาหน้าตาประมาณนี้ (จริงๆ เรียบกว่านี้ครับ ผมทำยับเอง)

img_1487

เตียงแบบ flat bed ของ First Suite บน Asiana มีความยาว 210 เซนติเมตรเลยครับ นอนได้แบบกว้างขวาง สบาย ไม่อึดอัดแน่นอน และสังเกตว่ามีความกว้างค่อนข้างมาก แบบไม่มีอะไรมาขวาง ยาวตลอดทั้งแถว ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับเตียงนอนปกติอย่างมาก

img_1486

และที่ให้ความเป็นส่วนตัวอย่างมาก ก็คือประตูห้อง Suite ที่สามารถเลื่อนมาปิดได้ด้วยครับ เรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศแบบพร้อมนอนพักผ่อนจริงๆ ผมเอนหลังดูหนังไปได้ยังไม่ทันจบเรื่อง ก็สามารถหลับพักผ่อนได้แบบสบายๆ ยาวไปจนถึงประกาศลดระดับเพื่อ Landing ลงสู้ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ที่ประเทศเกาหลีใต้เลย หลับยาวไปหลายชั่วโมงครับ

img_1488

ระหว่างที่มีการประกาศ (ตื่นเพราะเสียงกัปตันนี่แหละ) ผมก็เจอกับสติ๊กเกอร์ที่มาแปะอยู่บนหน้าจอครับ (ไม่ได้ถ่ายรูปมา) เป็นสติ๊กเกอร์ ‘Sleep Well Service’ คือเอามาแปะไว้ว่า เราหลับในช่วงที่ปกติจะมีการเสิร์ฟข้าวเช้านั่นเอง จึงไม่ได้มีการปลุก แต่ถ้าหิว หรือต้องการอะไรก็ให้เรียกขอเพิ่มเติมได้ ทันใดนั้นเอง น้องแอร์คนสวยก็เดินมาเปิดประตูห้อง Suite ให้ (เพราะคงเห็นว่าตื่นแล้ว และใกล้เวลาแลนด์แล้ว) พร้อมสอบถามว่า หิวมั้ย จะรับอะไรทานแบบด่วนๆ ก่อนที่จะแลนด์ไหม ผมก็เลยตอบรับไป ว่าเอาอะไรมาก็ได้ เพราะเข้าใจว่าคงเหลือเวลาให้ทานได้อีกไม่มากนัก … แต่สิ่งที่ผมได้รับมาก็คือ …

img_1489

ทาา ดาาาา.. ชุดอาหารเช้ามาแบบเต็มเหนี่ยวครับ ขนมปังหลากหลายชนิด แยม เนย โยเกิร์ต ผลไม้สด น้ำส้ม ผมเหลือบตาดูที่หน้าจอ ระบุว่าเราจะถึงที่หมายในอีก 30 นาทีเท่านั้น ระหว่างนี้ไฟแจ้งรัดเข็มขัดก็ขึ้นมาได้สักพักแล้ว แต่แอร์โฮสเตสก็ไม่ได้มาเร่งรีบอะไรนะครับ ทานเสร็จก็เก็บถาดไปแบบชิลๆ มีความใส่ใจและตั้งใจให้บริการอย่างมากครับ

Summary

เป็นอีกหนึ่งเที่ยวบินที่ได้รับความประทับใจแบบเหนือความคาดหมายเลยล่ะครับ ถือได้ว่า Asiana Airlines มีมาตรฐานในการบริการของชั้น First Class ชนิดหาข้อติเตียนได้ยากครับ โดยเฉพาะการเลือกใช้ของดี ไม่ว่าจะเป็นที่นั่ง ที่ทันสมัย หน้าจอขนาดใหญ่เต็มตามากๆ ชุด amenity หรือ wine list ต่างๆ เมนูอาหาร คาเวียร์ที่คัดสรรมาอย่างดี บวกกับความนอบน้อมสไตล์เอเชียของบรรดาลูกเรือ โดยรวมๆ ทั้งไฟลต์นี้แล้ว ผมชอบเลยนะ

img_1446

ที่นั่งบนเครื่องบินแบบ Airbus A380 ที่ Asiana เลือกเอามาใช้เป็นชั้น First Suite เป็นหนึ่งในที่นั่งแบบที่ให้ความสบาย เหมาะกับการพักผ่อนในเที่ยวบินระยะไกลๆ เป็นอย่างมากครับ ที่นั่งสามารถปรับได้หลากหลายท่า และมีความเป็นส่วนตัวสูงมากๆ เป็นหนึ่งในไม่กี่สายการบิน ที่มี First Class แบบสามารถปิดประตูได้ในตอนนี้ครับ (นอกเหนือจาก SQ, EK, EY) และอีกส่วนที่ผมชอบก็คือห้องน้ำ ที่มีพื้นที่ให้เยอะพอสมควร สามารถใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าแต่งตัวได้แบบสบายๆ บวกกับการเลือกใช้ amenity ของดี สมฐานะ

เรื่องอาหารการกิน และเครื่องดื่มต่างๆ Asiana จัดมาให้ในระดับที่ดีมากเลยล่ะครับ (โดยเฉพาะแชมเปญ และ คาเวียร์ที่ฟินมาก) มีตัวเลือกค่อนข้างเยอะ ใช้ของดี เสิร์ฟแบบไม่อั้น ขอเพิ่มได้หลากหลายรูปแบบ การจัดวาง การเสิร์ฟ เป็นไปด้วยความนอบน้อม ตามมาตรฐานของสายการบินสัญชาติเอเชีย ที่มีลักษณะการบริการไม่หนีกันมากนัก

ถ้ามีโอกาส จะกลับมาซ้ำอีกแน่ๆ ครับ พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ

img_1419

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save