รีวิวไฟลต์วันนี้ ผมมาพร้อมกับ Royal Silk Class ของการบินไทยอีกครั้ง แต่ว่าเป็น Royal Silk Class บนเครื่องบินแบบ Boeing 787-8 Dreamliner ที่จัดว่าเป็นเครื่องบินแบบที่ใหม่ที่สุดของการบินไทยในฝูงบินปัจจุบัน และเก้าอี้ Royal Silk Class ของ 787 ก็เป็นเก้าอี้แบบที่ไม่เหมือนกับเครื่องบินแบบอื่นๆ ของการบินไทยอีกด้วยครับ
Disclosure: บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากสายการบินหรือตัวแทนที่เกี่ยวข้อง
Boeing 787 Dreamliner เป็นเครื่องบินพาณิชย์ 2 เครื่องยนต์ ขนาดกลาง ในยุคใหม่ ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีด้านอากาศยานมากมาย ทั้งความสามารถด้านการประหยัดน้ำมัน การควบคุมอากาศยาน น้ำหนักของเครื่องบินที่น้อยลงด้วยวัสดุที่แข็งแกร่งขึ้น ความสามารถด้านการปรับระดับความดันภายในตัวเครื่อง และการเก็บเสียงเครื่องยนต์ของห้องโดยสาร เป็นต้น ปัจจุบันถือว่าเป็นเครื่องบินรุ่นที่ประหยัดน้ำมันที่สุดของ Boeing และได้รับความนิยมจากสายการบินพาณิชย์ทั่วโลก ทำการสั่งซื้อไปประจำฝูงบินของตัวเองแล้วเกือบ 400 ลำทั่วโลก
ปัจจุบัน การบินไทย มี Boeing 787-8 อยู่ในฝูงบินทั้งหมด 6 ลำครับ ทำการบินในหลากหลายเส้นทางทั้งใกล้และไกล สลับกันไป บางเส้นทางก็ใช้เครื่องแบบนี้บินเพียงแค่บางไฟลต์เท่านั้น ดังนั้นถ้าอยากบิน Boeing 787 ของการบินไทย ก็ต้องเช็คกันนิดนึงครับ ว่าไฟลต์ที่เราจะบิน ใช้เครื่องบินแบบไหน
สำหรับไฟลต์ที่ผมรีวิวให้อ่านกันวันนี้ เป็นไฟลต์สั้นๆ กรุงเทพ – สิงคโปร์ ครับ ในเที่ยวบิน TG413 แบบสบายๆ ออกสายๆ ตอน 11:30 น. มีเวลาไปสนามบินได้แบบชิลๆ คนไม่เยอะ ไม่ต้องแย่งกันมากมายนัก
Flight: TG413
Route: BKK-SIN
Date: 2 Mar 2016
Departure Time: 11:30
Arrival Time: 14:50
Duration: 2 hr 20 mins
Seat: 15A
Class: Royal Silk Class
Aircraft: Boeing 787-8
Registration: HS-TQF (กงไกรลาศ)
Check-in
เคาน์เตอร์เช็กอิน Royal Silk Class ของการบินไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะถูกแยกอยู่บริเวณ Row A เลยครับ ซึ่งไฟลต์สายๆ แบบนี้ จะชิลมาก เพราะไม่มีคนเลย สามารถเดินไปเช็กที่เคาน์เตอร์ไหนก็ได้ (ว่างโล่งเลย) เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือดีมาก และยิ้มแย้มแจ่มใสดีครับ ทุกอย่างเสร็จสิ้นด้วยความรวดเร็วครับ
เมื่อเช็กอินที่ Row A แล้ว จะเจอกับช่อง Fast Track ที่บริเวณท้าย Row เลยครับ ซึ่งเป็นช่องสำหรับสแกนแยกต่างหากจากผู้โดยสารทั่วไป มีไว้สำหรับผู้โดยสารการบินไทยในชั้น Royal First และ Royal Silk และผู้ถือบัตร ROP Platinum โดยเฉพาะ ไม่ต้องต่อคิวรวมกับผู้โดยสารทั่วไป แน่นอนว่าไม่มีคิวเลย
พอผ่านการสแกน และ ด่าน ตม. ในช่อง Fast Track ออกมาแล้ว ก็จะเจอกับบันไดเลื่อนลงไปเข้า Lounge ของการบินไทยทันทีเลยครับ ซึ่ง Lounge นี้จะตรงกับเกต D ซึ่งต้องดูเกตที่เราเดินทางด้วยนะครับ หากไม่ได้เดินทางจากเกต D อาจจะต้องเผื่อเวลาสำหรับเดินไปที่เกตอีกหน่อย
Royal Silk Lounge
ผมเลือกใช้บริการที่ Royal Silk Lounge ที่เกต D นี้ก่อนครับ (ทั้งๆ ที่เดินทางออกจากเกต E) เพราะต้องการที่จะใช้บริการ Royal Orchid Spa หรือบริการนวดแผนไทย ที่สงวนไว้สำหรับผู้โดยสารในชั้น Royal First และ Royal Silk ของการบินไทยเท่านั้น และส่วนของ Royal Orchid Spa นั้นก็อยู่ติดกับ Royal Silk Lounge ที่เกต D อันนี้เลย
ที่นั่งของ Royal Silk Lounge แห่งนี้ มีหลายโซนให้เลือกนั่งได้ตามอัธยาศัยครับ เวลาแบบนี้อยากนั่งตรงไหนก็ได้นั่งเลย แถมไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อรีบมาสนามบินอีกด้วย ข้อเสียของ Royal Silk Lounge ของการบินไทยก็น่าจะเป็นเรื่องปลั๊กนี่แหละครับ ที่ไม่ได้มีครบทุกที่นั่งเหมือนอย่างที่หลายๆ Lounge ของต่างประเทศทำ และเก้าอี้ที่มีปลั๊ก ก็เสียบค่อนข้างยาก อยู่ที่พื้นไม่ตรงกับส่วนที่ควรจะต้องใช้งานสักเท่าไหร่
ไลน์อาหารวันนี้ค่อนข้างน้อยครับ เพราะเป็นช่วงสาย คือพนักงานก็เก็บพวกโจ๊ก ข้าวต้มที่เป็นอาหารเช้าไปแล้ว ส่วนอาหารกลางวันก็ยังไม่มาวางเสิร์ฟ เลยมีแต่ของทานเล่นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
Royal Orchid Spa
ใครที่เดินทางด้วยการบินไทย Royal Silk Class และมาเช็กอินก่อนเวลา อย่าลืมแวะมาใช้บริการ Royal Orchid Spa ได้ฟรีครับ โดยผู้โดยสาร Royal Silk Class สามารถเลือกได้ว่าจะใช้บริการนวดบ่า+ไหล่ หรือ นวดเท้า อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นระยะเวลา 30 นาทีครับ ซึ่งถ้ามาจังหวะเวลาดีๆ แบบนี้ ก็ไม่ต้องรอคิวเลย หรือถ้าช่วงไหนมีผู้ใช้บริการเต็มอยู่ ก็สามารถนั่งรอในพื้นที่ด้านในได้ มีเครื่องดื่ม และขนมบริการให้ระหว่างรอด้วย
ห้องนวด เป็นโซฟาขนาดใหญ่ นั่งสบาย (เกือบหลับ) พร้อมพนักงานนวดแผนไทยที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ผมแวะมาใช้บริการหลายครั้งแล้ว ทุกคนสุภาพ นอบน้อม น่ารักมากครับ รอบนี้ผมใช้บริการนวดบ่า-ไหล่ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แม้ว่าปกติผมจะไม่ค่อยได้ใช้บริการนวดสักเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับว่าถูกใจกับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีของพนักงานนวดที่นี่ ก่อนจบมีผ้าประคบอุ่นๆ บริเวณต้นคอ ผ่อนคลายมากครับ
นวดเสร็จแล้ว ก็มานั่งพักได้ต่อในบริเวณ Royal Orchid Spa มีชาตะไคร้ร้อนๆ มาเสิร์ฟให้ หรือจะย้ายไปนั่งพักผ่อนรอเวลาขึ้นเครื่องที่ Royal Silk Lounge ฝั่งตรงข้าม (หรือจะเดินไปใช้บริการ Lounge ฝั่งที่ใกล้กับเกตที่จะเดินทางก็ได้)
Boarding
ถึงเวลาขึ้นเครื่องครับ ผมเดินมาถึงเกต E1A โดยเกตนี้จะมี E1 และ E1A อยู่ติดกัน โดย E1A เป็น Bus gate ครับ ต้องขึ้นรถบัสต่อไปยังเครื่องบิน ดังนั้น ใครได้เกตที่สุวรรณภูมิลงท้ายด้วยตัว A อยากให้เผื่อเวลาขึ้นเครื่องไว้หน่อยนะครับ เนื่องจากต้องทะยอยกันขึ้นรถบัส ซึ่งเสียเวลากว่าการบอดดิ้งปกติพอสมควร
แม้ว่าการเรียกขึ้นเครื่อง จะเรียกตามลำดับผู้โดยสาร Royal Silk Class กับสมาชิก ROP บัตรทองก่อน แต่สุดท้ายก็จะต้องเดินไปขึ้นรถบัส และรอให้รถบัสเต็ม เพื่อออกทีละคันไปยังเครื่องบินอยู่ดีครับ ข้อเสียของ Bus gate ก็คือตรงนี้แหละ อาจจะไม่ได้สะดวกสบายเท่ากับไฟลต์ที่เครื่องบินเทียบกับสะพาน Jetbridge
นั่งบัสมาไกลจากเทอร์มินัลพอสมควรเลยครับ ก็เจอกับพระเอกของเรา Boeing 787-8 Dreamliner ซึ่งลำที่จะเดินทางวันนี้ เป็น Boeing 787 ลำที่ใหม่ที่สุดของการบินไทยเลย (ลำที่ 6 : ทะเบียน HS-TQF นามพระราชทานกงไกรลาศ) เพิ่งได้รับมอบมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2015 ที่ผ่านมานี่เองล่ะครับ
On-board
ผังที่นั่ง Royal Silk Class บน Boeing 787-8 ของการบินไทย มีเพียง 24 ที่นั่งครับ อยู่ส่วนหัวของเครื่องบิน (4 แถว แถวละ 6 ที่นั่ง จัดเรียงแบบ 2-2-2) ตั้งแต่แถว 11-15 โดยไม่มีแถวหมายเลข 13 ครั้งนี้ผมได้ที่นั่งหมายเลข 15A ซึ่งเป็นที่นั่งริมหน้าต่าง แถวสุดท้ายของ Royal Silk Class
การวางที่นั่ง Royal Silk Class บน Boeing 787 การบินไทย จะวางเอียงๆ ตามผังที่นั่งด้านบนครับ ซึ่งการวางที่นั่งแบบ 2-2-2 ทำให้โซนริมหน้าต่างทั้งหมด อาจจะเข้าออกไม่สะดวกมากนัก เพราะต้องขอทางจากผู้โดยสารที่อยู่ติดกันในการลุกเข้าออกอยู่เสมอ ดังนั้น หากเดินทางคนเดียว ผมจะแนะนำให้นั่ง E หรือ F มากกว่า แต่ไฟลต์นี้ไม่เต็มครับ ผมเช็คดูแล้ว 15B เป็นที่นั่งว่าง ผมเลยเลือกนั่ง 15A ริมหน้าต่าง เพื่อความเป็นส่วนตัวนั่นเอง
Seat Features
เก้าอี้ Royal Silk Class ของ Boeing 787 การบินไทย เป็นที่นั่งแบบ flat bed สามารถปรับเอนนอนได้ (เกือบ)ราบครับ มีความกว้างที่นั่ง 21 นิ้ว และมี pitch ยาวประมาณ 78 นิ้ว ซึ่งดูจากภาพเหมือนจะแคบ แต่พอปรับเอนดูแล้ว ก็นั่งสบายใช้ได้เลยครับ ทั้งหมดถูกตกแต่งด้วยโทนสีม่วงเข้ม ตัดกับสีเทาอ่อนของตัวเครื่อง Boeing 787 แล้วดูโมเดิร์น ให้ความรู้สึกใหม่เอี่ยมอยู่ตลอดเวลา ด้านข้างเป็นโต๊ะลายไม้สำหรับใช้ร่วมกันทั้ง 2 ที่นั่ง
ด้านหน้า seat หลังจากนั่งแล้ว ก็สามารถยืดขาได้สุดครับ โดยมีช่องสอดขาเล็กๆ เอาไว้ตอนปรับนอนราบ (ส่วนแคบๆ ที่เห็นในรูปนั้น ถ้าผู้โดยสารไม่ได้สูงมาก ก็เหยียดไปไม่ถึงครับ)
สวิตช์ปรับที่นั่ง สามารถปรับได้ค่อนข้างเบสิคเลยครับ ปรับเอน / ปรับ Lumbar / ปรับที่พักเท้า และมีปุ่มช็อตคัตด้านบน สำหรับกดเพื่อปรับเป็นระดับตรง และ กดเพื่อปรับนอนราบให้สุด มีให้เท่านั้นเลย
รีโมท (ที่หน้าตาเหมือนจอยเกมมาก) กับกระเป๋าใส่นิตยสาร อยู่ด้านข้างลำตัวเลยครับ มุมนี้เลยถ่ายยากนิดนึง สะดวกในการหยิบใช้
ด้านข้างอีกฝั่ง เป็นช่องวางของเล็กๆ พร้อมปลั๊กไฟแบบ universal, ที่เสียบชาร์จ USB และ ช่องเสียบหูฟังแบบ noise cancellation ซึ่งการบินไทยจะวางหูฟันเอาไว้ให้ทุกที่นั่งตรงช่องนี้ครับ
หน้าจอความบันเทิงของ Boeing 787 การบินไทยนี่ถือว่าเป็นไฮไลต์เลยครับ หน้าจอทัชสกรีนรุ่นใหม่ ขนาด 15 นิ้ว ใหญ่เต็มตาสะใจ ความละเอียดสูงกว่าหน้าจอบนเครื่องบินรุ่นอื่นๆ และยังมีความเร็วมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ
รีโมตควบคุมความบันเทิง ที่หน้าตาเหมือนจอยเกมอันนี้ ก็เด็ดมาก เพราะหน้าจอขนาดใหญ่บนรีโมต เป็นหน้าจอแบบทัชสกรีนด้วย และสามารถเลือกปรับเมนูต่างๆ ได้เท่าเทียมกับที่อยู่บนจอใหญ่เลย เวลาเลือกหนัง หรือ ปรับความสว่าง ปรับเสียงต่างๆ ก็ทำได้จากหน้าจอเล็กอันนี้เช่นกันครับ
อีกหน่งฟีเจอร์เด็ดของเครื่องบิน Boeing 787 Dreamliner ก็คือหน้าต่างครับ หลายคนอาจจะทราบแล้วว่า หน้าต่างของ Boeing 787 ทุกบาน เป็นระบบตัดแสงด้วยไฟฟ้า ไม่มีม่านพลาสติกให้เราเลื่อนเปิดปิดเหมือนเครื่องบินรุ่นอื่นๆ ที่เราคุ้นเคย แต่มาทดแทนด้วยปุ่มหน้าตาแบบนี้แทน
ข้อดี คือ แทนที่เราจะเปิดปิดม่านพลาสติกเหมือนที่เคยทำ เราสามารถปรับความสว่างได้มากถึง 5 ระดับครับ เพื่อให้แสงจากภายนอกเข้ามาบางส่วน ให้มีแสงนวลๆ ได้ และยังมองทะลุออกไปด้านนอกได้ด้วย หรือจะเลือกปิดแบบมืดสนิทก็ทำได้เช่นกัน แต่หลังจากกดปุ่มปรับความสว่างหน้าต่างแล้ว อาจจะต้องรอสักครู่ให้ระบบตัดแสงทำงาน
ลองดูเปรียบเทียบกับหน้าต่างบานอื่นสิครับ ปรับได้แบบนี้เท่ไปเลย และใช้งานได้สะดวกมาก แสงที่เข้ามาก็ไม่จ้าเกินไปด้วย ถูกใจครับ
สำหรับไฟลต์นี้ ไม่มีชุดกระเป๋า amenity มาให้ เนื่องจากเป็นเที่ยวบินระยะสั้นครับ
In-flight Cuisine
หลังจากบอดดิ้งได้ไม่นาน พนักงานต้อนรับก็มาถามตัวเลือกของเครื่องดื่ม welcome drink กับนำผ้าร้อนมาให้ทันทีครับ ผมเลือกแชมเปญมาก่อนสักแก้วระหว่างนั่งรอผู้โดยสารท่านอื่นๆ บอดดิ้งครบทั้งลำ
ตามมาด้วยเมนูตัวเลือกของอาหาร และเครื่องดื่มของไฟลต์นี้ให้ได้อ่านสักพัก ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะเดินมาจดตัวเลือกของเราครับ
หลังจากที่เครื่องเทคออฟได้สักพัก พนักงานต้อนรับนำถั่วอัลมอนด์มาเสิร์ฟพร้อมถามตัวเลือกเครืองดื่มอีกครั้ง รอบนี้ผมรับเป็นน้ำมะนาวอัญชัน ที่ถูกแช่เย็นมาเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ซิกเนเจอร์ของเที่ยวบินของการบินไทยขาออกเลยล่ะครับ (ขากลับไม่ค่อยมีนะ เพราะต้องฟรีซมาจากครัวของสุวรรณภูมิ)
อาหารจานหลักถูกเสิร์ฟตามช้อยส์ที่เราเลือกไว้ก่อนเทคออฟครับ พนักงานจะมากางโต๊ะ และปูผ้าให้ก่อน โดยอาหาร Royal Silk Class จะถูกเสิร์ฟทั้งหมดมาในถาดเดียวแบบในรูปนี้ คราวนี้ผมเลือกข้าวผัดพร้อมกุ้งทอด ส่วนจานเล็กเป็นลาบแซลมอน พล่ากุ้งมังกร (อร่อยเด็ดมาก) ไก่อบสมุนไพร
โดยรวมอาหารจานหลักนี่อร่อยถูกปากเลยครับ โดยเฉพาะพล่ากุ้งมังกร ที่ให้เนื้อกุ้งมังกรมาเป็นชิ้นใหญ่มากๆ เนื้อกุ้งเด้งมาก ปรุงมากลมกล่อมพอดี จะมีข้าวผัดที่แข็งไปสักนิด (ส่วนมากเมนูข้าวบนเครื่องบินนี่ไม่ค่อยรอดเลยครับ เพราะเวลาเข้าเครื่องอบ จะออกมาแข็งๆ แห้งๆ ทุกที)
ของหวานในมื้อนี้ เป็นข้าวเหนียวเปียกลำใยครับ อร่อยตามสไตล์ขนมไทยที่การบินไทยมักจะเลือกขนมไทยประเภทต่างๆ มาเสิร์ฟบนเครื่องบินเป็นประจำอยู่แล้ว
Lavatory
ห้องน้ำของ Royal Silk Class มีทั้งหมด 2 ห้องครับ คือด้านหน้าสุด 1 ห้อง และบริเวณแถวท้ายสุดฝั่งขวาอีก 1 ห้อง โดยห้องน้ำโซนหน้านี่อยู่ติดกับประตู cockpit ของนักบินเลย
ภายในห้องน้ำ ต้องบอกว่าค่อนข้างแคบเลยล่ะครับ มีที่ให้พอหมุนตัวได้แค่นั้น แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มาครบครัน และพนักงานต้อนรับก็หมุนเวียนเข้ามาดูแลความสะอาดอยู่เรื่อยๆ
ที่ผมชอบคือ ระบบ flush ของห้องน้ำใน Boeing 787 ลำนี้ เป็นระบบเซ็นเซอร์ไร้สัมผัสครับ แค่เอามือมาบังบริเวณแผงสีน้ำเงินอันนี้ไว้สักพัก ก็จะเป็นการ flush ชักโครกได้แบบไม่ต้องแตะเลย (เครื่องยังใหม่ แต่สีปุ่มลอกแล้ว)
Flat bed
กลับมาที่นั่งอีกครั้งครับ ผมลองกดปรับเอนที่นั่งให้นอนราบสุดๆ ก็พบว่ามันเอนได้เกือบราบ 180 องศาเลย แต่เนื่องจากไฟลต์นี้สั้นมากครับ แค่ประมาณ 2 ชั่วโมง และเหลือเวลาให้เอนหลังได้ไม่นานนัก ก็เลยไม่ได้หลับพักผ่อนในไฟลต์นี้ หมดเวลาไปกับการดูหนังมากกว่า (ยังไม่ทันจบเรื่อง ก็ถึงที่หมายแล้ว)
ช่องสอดขาหลังจากปรับเอนราบแล้ว อาจจะดูคับแคบไปหน่อยครับ ต้องจัดท่านอนกันดีๆ เลย
ระหว่างที่นั่ง จะมีช่องที่พื้นให้เก็บรองเท้าได้ด้วยนะครับ ผมค่อนข้างแปลกใจที่ไฟลต์นี้ไม่มีรองเท้าแตะสำหรับเดินบนเครื่องบินวางไว้ให้ (แต่เข้าใจว่าน่าจะขอจากพนักงานต้อนรับได้ ไม่ได้ลองขอครับ)
Landed
ไฟลต์สั้นๆ ครับ ถึงที่หมายปุ๊บ พนักงานต้อนรับก็จะเปิดให้ผู้โดยสารในชั้น Royal Silk ลงจากเครื่องก่อน ซึ่งที่สนามบินสิงคโปร์ชางงี ก็ไม่ได้มีช่องพิเศษสำหรับการตรวจคนเข้าเมืองของผู้โดยสาร Business Class แต่อย่างใด ต้องเดินไปเข้าคิวที่ด่าน ตม. ตามปกติเช่นเดียวกับผู้โดยสารอื่นๆ
Wrap-up
ที่นั่ง Royal Silk Class บนเครื่องบินที่ใหม่ที่สุดของการบินไทยอย่าง Boeing 787-8 Dreamliner ที่ปัจจุบันให้บริการในหลากหลายเส้นทาง ให้ความสบายได้เป็นอย่างดีเลยครับ ส่วนที่ผมชอบคือความใหม่ของตัวเครื่องบิน ที่เป็นเทคโนโลยีอากาศยานในยุคใหม่ เสียงเครื่องยนต์เงียบ การปรับความดันในห้องโดยสารดีเยี่ยม หน้าต่างปรับแสงแบบไฟฟ้า และที่นั่งใหม่มาก แม้ว่าจะจัดวางที่นั่งแบบ 2-2-2 ที่อาจจะไม่ได้สะดวกสบายเท่ากับการจัดวางแบบ 1-2-1 ก็ตาม
อาหารและการบริการในชั้นโดยสารพรีเมียมของการบินไทย ยังคงรักษามาตรฐานได้เป็นอย่างดีครับ พนักงานต้อนรับทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส และพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลาครับ น่าเสียดายที่ไฟลต์นี้เป็นไฟลต์สั้นๆ จึงอาจจะไม่ได้รีวิวได้ครบทุกมิติเท่าที่ควรนะครับ
พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ
- พาชม “ARIA SUITE” — Business Class แบบใหม่ของ Cathay Pacific มีประตูปิดทุกที่นั่ง!
- รีวิว First Class สายการบิน SWISS — ขั้นสุดของสวิส เส้นทาง Zurich-Bangkok
- พาเดินงาน AIX 2024 ✈️ — พรีวิวที่นั่งใหม่ การบินไทย Airbus A320 ก่อนใช้จริงสิ้นปีนี้
- รีวิว การบินไทย Royal First Class ปี 2024 — กรุงเทพ-ลอนดอน Boeing 777-300ER
- รีวิว Qatar Qsuite ปี 2024 — ยังเป็น Business Class ที่ดีที่สุดอยู่มั้ย?
- รีวิว ANA “The Suite” — First Class ใหม่ บน Boeing 777-300ER
- รีวิว Dassault Falcon 6X — พาบินไปสิงคโปร์ด้วย Private Jet ลำตัวกว้างสุดในโลก
- รีวิว EVA Air Business Class — ซีแอตเทิล-ไทเป Boeing 787-10
- รีวิวกระเป๋าเดินทาง Samsonite ใหม่ 3 รุ่น — ทน เท่ เบา ล้อดีจริง ฟังก์ชั่นครบ!
- เจาะลึก ATC — เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ อาชีพสำคัญในอุตสาหกรรมการบิน
- รีวิว Business Class สายการบิน Swiss — กรุงเทพ-ซูริค Boeing 777-300ER
- พาชม “SAT-1” เทอร์มินัลใหม่ สนามบินสุวรรณภูมิ เปิดแล้ววันนี้
- รีวิว Finnair Business Class ที่นั่งแบบใหม่ ใหญ่สบายมาก แต่ปรับเอนไม่ได้! 🤨
- สุดในรุ่น “ACH130 Aston Martin Edition” — เฮลิคอปเตอร์ Airbus ที่ตกแต่งโดย Aston Martin!
- รีวิว Shark Aero เครื่องบินสปอร์ตสายซิ่ง เร็ว แรง ทำสถิติบินเดี่ยวรอบโลกมาแล้ว
- รีวิว Emirates First Class ปี 2023 — บินสบาย อาบน้ำบนเครื่องบิน หรูสุดแบบไม่เกรงใจใคร
- รีวิว ANA 「THE Room」 Business Class แบบใหม่ล่าสุด กว้างสุด มีประตูทุกที่นั่ง
- รีวิวคู่ พาซู่ชิงขึ้น First Class – สายการบิน Cathay Pacific ไปนิวยอร์ก!
- พาเจาะลึก Airbus A330neo ลำใหม่ล่าสุดของ Thai Lion Air
- รีวิว Qatar Qsuite – Business Class ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2019
- รีวิว First Class สายการบิน Cathay Pacific นิวยอร์ก-ฮ่องกง ยาวๆ 16 ชั่วโมงรวด
- รีวิว Business Class สายการบิน Cathay Pacific นั่งไกลๆ ปรับปรุงเมนูใหม่ อาหารจัดเต็มสุดๆ
- รีวิว First Class สายการบิน Lufthansa พร้อมรีวิว First Class Terminal สนามบิน Frankfurt
- พาชม เจาะลึก Airbus A330neo รุ่นใหม่ล่าสุด ลำแรกของ Thai AirAsia X
- รีวิว Business Class สายการบิน EVA Air ไทเป-ซานฟรานซิสโก (Boeing 777-300ER)
- รีวิว Business Class สายการบิน Hong Kong Airlines เครื่องบินใหม่ ราคาสุดคุ้ม
- รีวิว Business Class – Cathay Pacific บน Boeing 777-300ER เส้นทาง SFO-HKG
- รีวิว Business Class บน Boeing 787-10 ใหม่ล่าสุด สายการบิน Singapore Airlines
- รีวิว Qatar Qsuite – Business Class ที่เหมือน First Class เป็นห้องส่วนตัว ปิดประตูได้!
- บุกศูนย์ฝึกลูกเรือ Singapore Airlines ชมเบื้องหลังเที่ยวบินที่ไกลที่สุดในโลก!
- รีวิว Royal First Class การบินไทย บน Airbus A380 เส้นทางกรุงเทพ-ลอนดอน
- 6 ความลับของ Economy Class รู้แล้วจะนั่งสบายขึ้นอีกเยอะ!
- รีวิว ‘Throne Seat’ ที่นั่ง Business Class แบบใหม่ล่าสุดของการบินไทย
- รีวิวสุดยอด First Class Suites แบบใหม่ล่าสุด บน Singapore Airlines A380
- รีวิว Business Class สายการบิน Cathay Pacific กรุงเทพฯ – ฮ่องกง
- รีวิว Emirates First Class Suites แบบใหม่ล่าสุด – First Class แรกของโลกที่เป็นห้องปิด 100%
- รีวิว ‘Premium Economy’ การบินไทย ดีงามไม่ต่างจาก Business Class
- รีวิว Premium Flatbed ชั้นธุรกิจ สายการบิน Thai AirAsia X
- รีวิว ห้องอาบน้ำบนเครื่องบิน Emirates First Class – Airbus A380
- รีวิว ANA Premium Economy ชั้นประหยัดพรีเมียม นั่งสบาย ในราคาไม่โหดร้าย
- พาชมโรงงาน Boeing พร้อมพา Boeing 787-9 ลำใหม่ของการบินไทยกลับสุวรรณภูมิ
- รีวิว Emirates First Class Suites ห้องส่วนตัวสุดหรูบนเครื่องบิน
- รีวิว First Class สายการบิน Korean Air แบบใหม่ล่าสุดบน Boeing 777-300ER
- พรีวิว! ที่นั่ง Business Class แบบใหม่ล่าสุดของการบินไทย บน Boeing 787-9
- รีวิว Prestige Suites ที่นั่ง Business Class แบบใหม่บนสายการบิน Korean Air
- การบินไทย มีที่นั่ง Business Class แบบไหนบ้าง? + วิธีจองให้ได้ที่นั่งแบบใหม่
- รีวิว ScootBiz สายการบิน NokScoot เส้นทางดอนเมือง-ไทเป ที่นั่งกว้าง ราคาเบา
- รีวิว First Class แบบใหม่ของ Singapore Airlines – Boeing 777-300ER
- รีวิว “The Private Room” โคตรเลานจ์ของสนามบิน Singapore Changi
- รีวิวไฟลต์สุดน่ารัก เครื่องบิน “Gudetama” ไข่ขี้เกียจ ลำเดียวในโลก
- รีวิว การบินไทย Royal Silk Class บน Airbus A350-900 XWB รุ่นล่าสุด
- รีวิว Etihad ‘Business Studio’ ชั้นธุรกิจที่ไม่มีความทัดเทียม (B77W/A380)
- รีวิว United Polaris Business Class ชั้นธุรกิจรูปแบบใหม่ของ UA
- รีวิว First Class สายการบิน ANA สุดยอดความหรูหราแบบญี่ปุ่น
- รีวิว First Class Suite สายการบิน Asiana หรู เนี๊ยบ สไตล์เกาหลี
- รีวิว Business Class บน A380 สายการบิน Emirates
- รีวิว ชั้น Smile Plus (ชั้นประหยัดพรีเมียม) สายการบินไทยสมายล์
- รีวิว Lufthansa Business Class บน Boeing 747-8I
- รีวิว Etihad First Class “Apartment” ที่สุดของการเดินทางในชั้นเฟิร์สคลาส
- เจาะลึก การบินไทย Boeing 787-8 Dreamliner เครื่องบินที่ไฮเทคที่สุดในฝูงบินปัจจุบัน
- รีวิว Business Class บน Airbus A380 สายการบิน Singapore Airlines
- รีวิว Business Class สายการบิน ANA เส้นทางโตเกียว-ซานฟรานฯ (Boeing 777-300ER)
- รีวิว Royal Silk Class บนการบินไทย Boeing 787 Dreamliner
- รีวิว United Business First Class บน Boeing 787-8 Dreamliner
- รีวิว Business Class สายการบิน ANA เส้นทางกรุงเทพ-โตเกียว (Boeing 777-200ER)
- รีวิว การบินไทย ชั้นธุรกิจ Royal Silk Class ใหม่ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการบินไทย
- รีวิว Business Class สายการบิน Austrian เส้นทางกรุงเทพ-เวียนนา
- รีวิว การบินไทย Royal First Class เส้นทางกรุงเทพ-แฟรงก์เฟิร์ต
- รีวิว Royal Laurel Class สายการบิน EVA Air เส้นทางไทเป-ซานฟรานซิสโก
- รีวิว เครื่องบินที่มุ้งมิ้งกระดิ่งแมวที่สุดในโลก Hello Kitty Jet
- รีวิว Royal First Class บนการบินไทย Airbus A380 เส้นทางกรุงเทพ-โตเกียว