รีวิว Business Class สายการบิน ANA เส้นทางกรุงเทพ-โตเกียว (Boeing 777-200ER)

สวัสดีปี 2016 ครับ วันนี้ผมกลับมารีวิวไฟลต์อีกครั้งด้วยเส้นทางยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ – โตเกียว ในชั้นธุรกิจ ของ ANA สายการบินสัญชาติญี่ปุ่น ที่ตอนนี้มีเที่ยวบินเดินทางจากสุวรรณภูมิไปโตเกียววันละ 4 เที่ยวบิน

All Nippon Airways หรือ ANA ปัจจุบันเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีเที่ยวบินทั้งในประเทศญี่ปุ่น และระหว่างประเทศหลากหลายเส้นทาง มีเครื่องบินใน fleet รวมมากกว่า 200 ลำ และเข้ามาเปิดเส้นทางกรุงเทพฯ – โตเกียว (ทั้งสนามบิน Narita และ Haneda) มาอย่างยาวนานครับ รวมถึง ANA เองก็เป็นหนึ่งในสายการบินสมาชิกกลุ่ม Star Alliance ที่สามารถสะสมไมล์ร่วมกับการบินไทยได้ และยังมีเที่ยวบินที่เป็น code-share กับการบินไทยอีกด้วย

Disclosure: บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากสายการบินหรือตัวแทนที่เกี่ยวข้อง

เท่าที่ผมเคยเดินทางด้วย ANA มา ทั้งในชั้น economy และ business กลับสังเกตได้ว่า มีสัดส่วนคนไทยเดินทางกับ ANA ไม่มากนัก มักจะเป็นชาวญี่ปุ่น กับชาวอเมริกัน (ที่ใช้โตเกียวเป็นจุดเปลี่ยนเครื่อง) มากกว่า วันนี้เลยมีโอกาสได้มารีวิวให้ชมครับ ว่าเส้นทางยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ – โตเกียว ด้วยสายการบินสัญชาติญี่ปุ่นตอนนี้ บริการเป็นอย่างไรบ้าง

Flight: NH806

Route: BKK-NRT
Date: 4 Jan 2016
Departure Time: 07:10
Arrival Time: 15:05
Duration: 5 hr 55 mins
Seat: 4D
Class: Business Class
Aircraft: Boeing 777-200ER
Registration: JA710A

เที่ยวบินขาไป NH806 เดินทางสู่สนามบินโตเกียวนาริตะ ออกเดินทางเช้าตรู่ตั้งแต่ 7:10 น. เลย ถือว่าเป็นเที่ยวบินโตเกียวไฟลต์เช้าที่เวลาสวยมาก เพราะไปถึงโตเกียวบ่ายสาม เพียงพอสำหรับผู้ที่จะต่อเครื่องบินไปทวีปอเมริกาเหนือ ที่มักจะออกจากญี่ปุ่นในช่วงเย็นพอดิบพอดี ส่วนใครที่จะไปญี่ปุ่นอยู่แล้ว ก็ยังมีเวลาเหลือเฟือในการเดินทางเข้าเมืองโตเกียว เช็คอิน และออกมาทานมื้อเย็นได้แบบชิลๆ ไม่เร่งรีบอีกด้วย เสียแค่ว่า ตอนเดินทางไปสุวรรณภูมิตอนเช้า ต้องตื่นเช้ามากหน่อยเท่านั้นเอง รอบนี้ผมไปถึงสุวรรณภูมิประมาณตีห้าครับ

Check-in

IMG_3587

เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน ANA ถูกแยกเอาไว้อย่างชัดเจนครับ และตอนเช้าแบบนี้ก็มีเพียง NH806 เที่ยวบินเดียวเท่านั้น และมีการแยกเคาน์เตอร์เช็กอินของ Economy กับ Business เอาไว้เป็นสัดส่วน มีคิวต้องรอบ้างนิดหน่อย เพราะมักจะมีผู้โดยสารที่เดินทางต่อเครืองไปสหรัฐอเมริกา ต้องทำการกรอกข้อมูลที่อยู่ต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่เช็กอินเพิ่มเติม จึงเสียเวลาในการเช็กอินของผู้โดยสารบางคนมากกว่าปกติครับ (ใครเดินทางไฟลต์นี้ก็เผื่อๆ เวลาหน่อย)

IMG_3589

IMG_3591

หลังเช็กอินที่เคาน์เตอร์ Business Class แล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ตั๋ว Premium Pass สำหรับผ่าน ตม. ในช่องพิเศษมาด้วยครับ ไม่ต้องไปต่อคิว x-ray และ ตม. รวมกับผู้โดยสารปกติ สะดวก รวดเร็วดีมากๆ ส่วนบัตรเข้าเลานจ์ก็มีมาให้พร้อมกัน แต่ความจริงสามารถใช้เฉพาะบอดดิ้งพาสในการสแกนบาร์โค้ดเพื่อเข้าใช้ได้เลย

Royal Silk Lounge, Suvarnabhumi Airport

DSC00890

ผู้โดยสาร Business Class สายการบิน ANA สามารถใช้เลานจ์ของการบินไทยได้ครับ (เนื่องจาก ANA ไม่มีเลานจ์ของตัวเองที่สุวรรณภูมิ) แต่จะไม่ได้รับสิทธิ์ในการใช้บริการนวดที่ Royal Orchid Spa ที่สงวนไว้สำหรับผู้โดยสาร Royal Silk Class ของการบินไทยเท่านั้น

IMG_3600

เลานจ์การบินไทยที่สุวรรณภูมินี่ผมขออนุญาตไม่รีวิวซ้ำแล้วนะครับ เพราะได้รีวิวอย่างละเอียดผ่านไปหลายครั้งแล้ว อาหารตอนเช้าก็มีตระเตรียมไว้ให้ตามปกติ (มีโจ๊กไก่ ที่รสชาติถูกปากในมื้อเช้าเสมอ คีบไส้กรอกเติมลงไปหน่อย ให้อยู่ท้อง) ไฟลต์เช้าแบบนี้ ปริมาณคนในเลานจ์ค่อนข้างแน่นทีเดียวล่ะครับ

Boarding

IMG_3603

ถึงเวลา Boarding ประมาณ 6:40 น. ผมเดินมาที่ Gate E5 ตรงตามเวลาเป๊ะ ก็มีการเริ่ม Boarding ทันที โดยเปิดให้ผู้โดยสารชั้น Business Class และผู้ถือบัตรทอง Star Alliance ขึ้นเครื่องก่อนตามระเบียบ

On Board

NH806-seatmap
ภาพ: seatguru.com

ANA ไฟลต์นี้ ใช้เครื่องบินแบบ Boeing 777-200ER แบบ 2 คลาส (Business + Economy) ในการบินครับ ซึ่งจริงๆ แล้ว ANA มี Boeing 777-200ER อยู่สองแบบ โดยอีกแบบจะมี Premium Economy Class ให้เลือกเพิ่มเติมด้วย แต่ผังที่นั่งของ business class ก็จะคล้ายๆ กันนี่แหละครับ

ออกตัวก่อนว่า business class ของ ANA เส้นทางกรุงเทพ-โตเกียว จะมีอีกแบบคือบน Boeing 787 Dreamliner ซึ่งมักจะใช้ในไฟลต์กลางคืนครับ ซึ่งเป็นที่นั่งคนละแบบกับรีวิววันนี้นะครับ ตัวนั้นไว้จะรีวิวให้ชมในโอกาสต่อไป

IMG_3604

Business Class ของไฟลต์นี้ จัดที่นั่งแบบ 2-3-2 โดยเป็นที่นั่งปรับเอนทั่วไป ไม่ใช่แบบปรับนอนราบ เพราะถือว่าเป็นเที่ยวบินระยะไม่ไกลมาก ทำการบินภายในทวีปเดียวกัน และเที่ยวบินนี้ไม่ใช่ red-eye flight ที่บินแบบข้ามคืนด้วย ดังนั้นความสบายอาจจะสู้ Business Class แบบปรับนอนราบของการบินไทยที่เลือกใช้ Airbus A380-800 หรือ Boeing 777-300ER ในการบินเส้นทางกรุงเทพ-โตเกียวบางไฟลต์ไม่ได้นะครับ

เที่ยวบินนี้ผมได้ที่นั่ง 4D อยู่ริมทางเดินครับ มาดูที่นั่งของ ANA ไฟลต์นี้กัน

Seat Features

ANA เว้นพื้นที่ระหว่างที่นั่ง business class แต่ละแถวไว้เยอะมากครับ เรียกได้ว่ากว้างจนยืดขาไปแตะเก้าอี้ตัวหน้าแทบไม่ได้เลย ไฟลต์ที่ผมเดินทางวันนี้เต็มเอี๊ยด ทุกที่นั่ง ทุกคลาส แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรมากมายนัก

DSC01301

การปรับเอนที่นั่ง ทั้งหมดเป็นแบบ mechanical ครับ เป็นเก้าอี้ที่ไม่ใช้ไฟฟ้าในการปรับเอนเลย มีคันโยกให้ปรับทั้งหมด 4 อย่างด้วยกัน คือปรับเอนหลัง, ปรับ Lumbar, ปรับที่วางขา และ ปรับยืดที่วางเท้า โดยทั้งหมดเราต้องใช้แรงให้การช่วยปรับเองครับ เพราะไม่มีระบบไฟฟ้า เช่นปรับเอน ก็ต้องเอาตัวช่วยดันไปข้างหลังด้วย หรือ ยืดที่วางเท้า ก็ต้องเอาเท้าออกแรงดันออกไปในขณะที่ใช้นิ้วดันคันโยกค้างไว้ เป็นต้น

IMG_3618

เป็นที่นั่งแบบเก่า ที่วิธีการปรับอาจจะเข้าใจยากหน่อยตอนแรกๆ ครับ แต่พอปรับอยู่ในท่าที่สบายแล้ว ก็ไม่จัดว่าแย่อะไรนะ

IMG_3619

ด้านข้างเป็นโต๊ะเล็กๆ สำหรับวางแก้วน้ำครับ อันนี้ใช้ร่วมกันระหว่างสองเก้าอี้ โดยก่อนเครื่องขึ้น พนักงานต้อนรับชาวญี่ปุ่น จะเอา Welcome Drink มาให้เลือกอย่างสุภาพ หรือจะสั่งนอกเหนือจากที่ถือมาให้เลือกก็ได้ เนื่องจากยังเช้ามากอยู่ ผมขอรับเป็นน้ำส้มคั้นสดมาก่อนครับ เสิร์ฟมาในแก้วพลาสติกธรรมดาทั่วไป ส่วนที่วางแขนที่หุ้มด้วยหนัง สามารถเปิดออกเพื่อดึงเอาจอภาพออกมาได้

IMG_3627

เมื่อเอาจอภาพพับออกมาแล้ว ต้องปรับมุมที่เหมาะสมกันนิดนึงครับ มันออกจะเอียงๆ เล็กน้อย ปรับยังไงก็ไม่สามารถดูได้แบบตรงๆ เลย ถือว่าเป็น business class ที่มีหน้าจอความบันเทิงส่วนตัวเล็กมาก ใช้ร่วมกับรีโมทที่ติดอยู่ใต้ที่วางแขน (ขณะเครื่องขึ้นและลง ไม่สามารถใช้จอภาพได้นะครับ ต้องพับเก็บอยู่กับที่ก่อน) เรื่องจอภาพกับที่นั่งแบบนี้ ไม่ค่อยสะดวกจริงๆ

IMG_3626

หูฟังที่ให้มา เป็นของ Panasonic พับครึ่งมา คุณภาพพอใช้ได้ และไม่ใช่แบบ noise cancellation

IMG_3623

บริเวณขอบระหว่างเก้าอี้ มีตำแหน่งของช่องเสียบปลั๊กแบบ Universal มาให้ด้วย สำหรับชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ขณะเดินทางได้

IMG_3607

ไฟลต์นี้ไม่มีชุด amenity kit มาให้นะครับ เพราะ ANA ถือว่าเป็นไฟลต์ภายในทวีป แต่สามารถขออุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มเติมได้จากพนักงาน เช่น ที่ปิดตา ที่อุดหู และชุดแปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หรือใช้ที่วางไว้ในห้องน้ำก็ได้ครับ

IMG_3620

ที่มีมาให้เลยในกระเป๋าหน้าที่นั่ง ก็คือรองเท้าแตะสำหรับใช้บนเครื่อง แค่นั้น

IMG_3629

หลังจากนั่งเข้าที่เข้าทางได้สักพัก พนักงานต้อนรับจะเอาเมนูมาแจกให้ เพื่อให้ดูชอยส์อาหาร ก่อนที่จะเดินมาถามตัวเลือกที่ต้องการอีกครั้ง โดยผมเลือกเป็นชุดเช้าแบบอาหารญี่ปุ่น

อาหารเริ่มเสิร์ฟหลังจากที่เครื่องบินขึ้นไปรักษาระดับได้ไม่นานครับ พนักงานจะมากางโต๊ะ และปูโต๊ะให้ … เช้าๆ แบบนี้ ต้องเริ่มต้นด้วย …

IMG_3634

เหล้าบ๊วย .. (อันนี้สั่งเองครับ ไม่ได้รวมอยู่ในเมนูอาหารเช้านะ 555) ได้จิบเย็นๆ สักนิดก็สดชื่นแล้ว

IMG_3635

มาละครับ ของจริง เต็มถาดเลย ข้าวต้มใส่ไข่ โรยด้วยเนื้อปูนึ่งเหล้าสาเก พร้อมเครื่องเคียงเป็นลูกชิ้นกุ้ง ปลาแดดเดียว เป็ดย่าง และถั่วอบน้ำผึ้ง

IMG_3638

ส่วนตัวคิดว่าข้าวต้มชุดนี้ออกสไตล์ไทยๆ ครับ จะมีดีก็ตรงเนื้อปูที่โรยมาเยอะมาก และหวานอร่อยมาก ส่วนเครื่องเคียงค่อยเป็นสไตล์ญี่ปุ่นหน่อย ข้าวต้มอุ่นร้อนมาพอดิบพอดี เป็นชุดอาหารเช้าที่ลงตัวมากทีเดียว นอกจากนี้ ในถาดยังมีซุปมิโสะ ผักดองญี่ปุ่นแก้เลี่ยน และผลไม้สดมาให้ด้วย

IMG_3641

ปิดท้ายด้วยชาเขียวร้อน ที่ขอเพิ่มได้ตลอดครับ

IMG_3642

หลังจากพนักงานมาเก็บถาดอาหาร ก็จะแจกน้ำดื่มให้คนละขวด ให้จิบได้ตลอดทั้งไฟลต์ หากไม่พอก็ขอเพิ่มได้เช่นกัน

IMG_3624

เก้าอี้ business class รุ่นนี้ ผมว่าเหมาะกับเดินทางไม่ไกลมากครับ อาจจะปรับเอนเพื่อนอนไม่สะดวกมากนัก แต่ถ้าอยู่ในท่านั่งนี่ให้ความสบายใช้ได้เลย น่าเสียดายที่หน้าจอความบันเทิงเล็กเกินไป และหามุมที่ดูได้สบายค่อนข้างยาก เพราะมาจากใต้ที่วางแขน มันเลยเอียงๆ ตะแคงๆ ไม่สมส่วน และตัวเลือกของหนังก็ไม่ค่อยใหม่เลยครับ แถมมีให้เลือกน้อยไปหน่อย (ช่วงนี้ ANA โปรโมต Starwars หนักมาก มีโปรเจคร่วมกันเยอะ เลยจัดเต็ม Starwars มาให้ครบทุกภาค)

เกือบๆ หกชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงสนามบินโตเกียวนาริตะครับ ไฟลต์นี้ดีเทลไม่เยอะมาก โดยรวมแล้วเป็น business class ระดับกลางๆ ทั่วไป ไม่มีลูกเล่นหรือจุดเด่นอะไรครับ ไปดูขากลับกรุงเทพฯ กันต่อเลย

Flight: NH805

Route: NRT-BKK
Date: 14 Jan 2016
Departure Time: 18:15
Arrival Time: 23:35
Duration: 7 hr 20 mins
Seat: 2G
Class: Business Class
Aircraft: Boeing 777-200ER
Registration: JA710A

เที่ยวบินขากลับ ผมเดินทางด้วย NH805 จากสนามบินโตเกียวนาริตะเช่นเดิม กลับสู่สนามบินสุวรรณภูมิครับ ผมลองเช็คประวัติไฟลต์ NH806/NH805 ย้อนหลังดู พบว่า ANA ใช้เครื่องบินลำเดิมบินเส้นทางนี้ทุกวันครับ ย้อนไปมาระหว่างกรุงเทพ-นาริตะ ซ้ำๆ แค่นี้เลย ดังนั้น ขากลับเรา ได้เครื่องบินลำเดิมนะครับ

ANA Lounge, Terminal 1, Narita Airport

IMG_4287

จริงๆ เลานจ์ ANA ที่สนามบินนาริตะแห่งนี้ ผมเคยรีวิวให้ชมไปแล้ว จากรีวิวของ Royal Silk Class การบินไทยครับ รอบนี้แวะมาอีกครั้ง ตามสูตรเดิมคือต้องไม่พลาดที่จะสั่งราเมงจาก Noodle Bar ที่เป็นราเมงทำสดใหม่ตามเมนูที่สั่งทีละออเดอร์ และเป็นซิกเนเจอร์ของ ANA Lounge แห่งนี้

2016_4733

และที่สบายสุดๆ ของ ANA Lounge นี้โดยเฉพาะไฟลต์เย็นๆ ที่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ก็คือห้องอาบน้ำครับ ที่มีไว้รองรับผู้โดยสารกว่าสิบห้อง ทุกคนที่เข้ามาใช้บริการเลานจ์สามารถเดินมาใช้บริการห้องอาบน้ำได้ฟรีเลย โดยจะต้องติดต่อเคาน์เตอร์บริเวณหน้าห้องอาบน้ำก่อน เพื่อเอา boarding pass ของเราแลกกับแท็กหมายเลขห้อง shower เอาไว้ครับ เมื่อใช้บริการเสร็จ จึงเอาแท็กหมายเลขมาแลกกับ boarding pass คืน

IMG_4288

ภายในห้อง shower ของ ANA Lounge นี่เรียกว่าเข้ามาแบบไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้า หรือุปกรณ์อะไรในกระเป๋าเลยก็ได้ครับ เพราะมีให้ครบทุกอย่างที่จำเป็นในการ refresh ตัวเองก่อนขึ้นเครื่อง ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม สบู่ แชมพู ครีมนวด โลชั่น ที่เช็ดเครื่องสำอาง ชุดแปรงสีฟัน ชุดโกนหนวด ชุดสำลี ไดร์เป่าผม ครบถ้วน

IMG_4289

ในส่วน shower ก็กว้างขวางและสะอาดมากครับ เพราะมีการทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้งานเลย มีแม่บ้านคอยประจำอยู่ และจัดเตรียมของใช้ให้ครบพร้อมก่อนที่ผู้โดยสารคนใหม่จะเข้ามาใช้บริการ น้ำในห้อง shower ก็ปรับได้อุ่นและแรงสะใจมากๆ เป็นการ refresh ก่อนขึ้นเครื่องบินไฟลต์ยาวๆ ได้เป็นอย่างดีครับ

Boarding

IMG_4339

ถึงเวลา Boarding ครับ ผมเดินจาก ANA Lounge ย้อนมาที่เกต 33 ก่อนเวลาเล็กน้อย มาถึงเกตก็ยังไม่เริ่มต่อแถวกันเลย ตรงข้ามเกตมีร้านขายของฝาก และขนมญี่ปุ่นตลอดทางเลยครับ ถึงเวลาก็ประกาศ boarding ให้ผู้โดยสาร business class ขึ้นเครื่องก่อน คิวไม่ยาวมากนัก

IMG_4290

On Board

ขึ้นเครื่องบิน Boeing 777-200ER ทะเบียน JA710A ลำเดิมเป๊ะๆ กับตอนขามาเมื่อสิบวันก่อนเลยครับ ANA เขาใช้เครื่องลำเดียวบินวนไปมาระหว่างกรุงเทพ-นาริตะแบบนี้มานานเป็นเดือนๆ แล้ว โดยรอบนี้ผมได้ที่นั่ง 2G อยู่ริมทางเดินอีกฝั่งนึง (business class จัดที่นั่งแบบ 2-3-2)

IMG_4340

เนื่องจากเป็นเครื่องบินเดิม ที่นั่งแบบเดิมเป๊ะๆ ขออนุญาตไม่รีวิวส่วนของที่นั่งซ้ำแล้วนะครับ มาดูส่วนอื่นๆ ในเที่ยวบินขากลับกันดีกว่า เที่ยวบินวันนี้ทำให้ผมแปลกใจตั้งแต่เครื่องยังไม่ออกคือ จำนวนผู้โดยสารน้อยมากครับ เท่าที่นับดูใน business class มีผู้โดยสารประมาณ 30% เท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่เป็นเส้นทางยอดนิยม และมักจะเกือบเต็มอยู่เสมอๆ

IMG_4343

พนักงานต้อนรับจะเอาบัตรผ่าน ตม. ช่องพิเศษที่สนามบินสุวรรณภูมิ (บัตร Premium Lane) ใส่ซองของ ANA มาให้พร้อมกับแจกแบบฟอร์ม ตม. ตั้งแต่เครื่องยังไม่ขึ้นเลยครับ อันนี้มีประโยชน์ในช่วงที่คิว ตม. หรือคิวเครื่องอัตโนมัติยาวๆ สามารถไปผ่านช่องพิเศษได้

IMG_4344

จากนั้นเมนูอาหารก็ตามมาครับ ถึงจะเป็นเส้นทางเดียวกัน แต่ขากลับนี่ตัวเลือกในเมนูอาหารจะแตกต่างจากเที่ยวบินขามานะครับ (จะได้ไม่ต้องกินซ้ำเมนูเดิม)

IMG_4347

การปรับที่นั่งแบบเก่า ไม่มีระบบไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า ระบบอัตโนมือ ใช้มือโยกเอา

IMG_4348

หน้าจอความบันเทิงขนาดเล็ก และต้องดูแบบเบี้ยวๆ เอียงๆ เหมือนตอนขามาเป๊ะๆ

IMG_4349

ออเดิร์ฟมาเสิร์ฟแล้วครับ มีหลายอย่างปนกันในจานเล็กๆ ที่จัดมาอย่างสวยงามจานนี้ ลูกชิ้นปลา เทอร์รีนแฮม ไข่แดงซอสมิโสะ ถั่วเคลือบน้ำตาล ส่วนในถ้วยเล็กๆ เป็นมะกอกกับชีส สำหรับเรียกน้ำย่อย

IMG_4351

จากนั้นก็จะมาเสิร์ฟเป็นถาดเลยครับ เริ่มจากออเดิร์ฟย่อยอีกทีนึง มีหลายอย่างรวมๆ กันอีกแล้ว ที่ตอนนี้ทาง ANA กำลังโปรโมตเมนู ‘Tastes of JAPAN’ อยู่ โดยเลือกเอาอาหารประจำจังหวัดต่างๆ มาหมุนเวียนขึ้นเสิร์ฟบนเครื่อง (อารมณ์คล้ายๆ OTOP บ้านเรา) รอบนี้เป็นเมนูจากจังหวัดมิเอะ ประกอบไปด้วยกุ้งกะชุต้มซอสมะเขือเทศ ปลาฮิอิระงิทอดกรอบ บุกต้มปรุงรส ข้าวห่อผักกาดทอด ลูกชิ้นทอด และในจานปลาดิบ เป็นปลามะฮะตะ ของจังหวัดมิเอะ อังไฟเบาๆ เสิร์ฟพร้อมกับซอส บวกกับสาหร่ายอะระเมะของจังหวัดมิเอะเช่นกัน

IMG_4352

การจัดวางทำมาได้สวยงามมากๆ ครับ อย่างละนิดละหน่อย มีรสชาติหลายอย่างปะปนกัน ไม่มีเบื่อเลย

IMG_4355

จากนั้น อาหารจานหลักก็จะตามมาครับ เป็นข้าวสวย กับซุปมิโซะ พร้อมปลาบุริ ของจังหวัดมิเอะ ราดด้วยซอสไชเท้าขูดปรุงรสมาพอดิบพอดี เสิร์ฟพร้อมมะนาว สดอร่อย ไม่คาว ทานกับข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ มื้อนี้ประทับใจมากทีเดียวล่ะครับ

IMG_4356

จากนั้น พนักงานก็จะมาถามว่าจะรับของหวานอะไรดี มีทั้งเค้ก ผลไม้ และ ขนมหวาน ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามีแบบไหนบ้าง พนักงานเลยกลับไปยกมาให้ดูทั้งถาด แล้วชี้เอาได้เลยว่าจะรับจานไหน

IMG_4357

ผมรับมาเป็นเยลลี่ส้มคิโยะมิ ด้านล่างเป็นมูสโยเกิร์ต หวานๆ รสชาติคล้ายๆ พานาคอตต้า เป็นอันสิ้นสุดเมนูอาหารชุดใหญ่ของ ANA ไฟลต์นี้ ได้เวลาปรับเบาะ เอนหลังนอนครับ มีหมอนกับผ้าห่มวางไว้ให้ทุกที่นั่งอยู่แล้ว นิ่มสบายใช้ได้เลย

IMG_4358

ประมาณเกือบสองชั่วโมงก่อนถึงที่หมาย ผมตื่นขึ้นมาเอง แล้วก็สบตากับพนักงานต้อนรับพอดี (วันนี้ผู้โดยสารน้อยมาก พนักงานก็ดูว่างๆ หน่อย) เธอเดินมาถามว่าจะรับอะไรเพิ่มมั้ย ผมเลยขอราเมง Ippudo มาแก้หิวก่อนเครื่องลงจอดครับ

IMG_4359

ราเมงซุปกระดูกหมูของ Ippudo ที่ไม่ต้องไปต่อคิวรอหน้าร้าน รสชาติออริจินัลมาก และได้ทานบนเครื่องบินแบบนี้ มันช่างดีงามจริงๆ เสิร์ฟมาชามไม่ใหญ่มาก กลมกล่อมสุดๆ ชนิดที่ได้ซดน้ำซุปหมดแบบไม่มีเหลือก้นถ้วยเลย

เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิตรงเวลาครับ พนักงานก็จะเปิดให้ผู้โดยสาร business class ลงจากเครื่องก่อน และก็โชคดีที่ ตม. ไม่มีคิวเลย ผ่านเครื่องอัตโนมัติมารอกระเป๋า ที่ออกมาค่อนข้าวเร็วเหมือนกัน ราบรื่นดีมากเลยครับไฟลต์นี้

Wrap Up

โดยสรุปแล้ว business class ของสายการบิน ANA บนเครื่อง Boeing 777-200ER ที่ถือว่าเป็นเครื่องเก่า และที่นั่งแบบเก่าตัวนี้ ผมให้คะแนนระดับกลางๆ ครับ ที่นั่งเก่าเกินไปค่อนข้างมากสำหรับ business class ในยุคนี้ ที่น่าจะมีการปรับปรุงได้แล้ว (แต่เข้าใจว่า ANA เห็นว่าเป็นเที่ยวบินภายในทวีป และเดินทางด้วยช่วงเวลาที่ไม่ใช่ไฟลต์ข้ามคืน เลยอาจจะไม่ได้เน้นมากนัก) รวมถึงหน้าจอความบันเทิงส่วนตัว ที่ใช้ระบบเก่า จอพับได้ขนาดเล็กที่มักจะเห็นได้กับ economy class แถวหน้าสุด ทำให้โดยรวมไม่ค่อยน่าประทับใจนัก

แต่ที่โดดเด่นของ ANA คือเรื่องของการบริการและ อาหารครับ พนักงานต้อนรับมีความสุภาพนอบน้อมมากๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น ที่จะยิ้มแย้ม และเคลื่อนที่อย่างนอบน้อมตลอดเวลา คอยใส่ใจมองตลอดเวลามีใครต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ ส่วนใครที่ไม่สันทัดภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น บนไฟลต์ ANA เส้นทางกรุงเทพ-โตเกียวทุกไฟลต์ จะมีพนักงานคนไทยประจำอยู่ด้วยครับ (คนที่จะคอยประกาศเสียงภาษาไทยนั่นแหละ)

อาหารบนเครื่องในชั้น business class ถือว่าโดดเด่นมาก อาจเป็นเพราะคนไทยเราชื่นชอบรสชาติของอาหารญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย แม้ว่าตัวเลือกจะไม่ได้มีหลากหลายเท่าไหร่ (มีให้เลือกแค่แบบ international หรือแบบ japanese) แต่ส่วนที่สามารถขอเพิ่มได้ก็มีไม่อั้น โดยเฉพาะราเมง Ippudo ที่ขอบอกว่าใครเดินทางด้วย business class ของ ANA นี่ห้ามพลาดเลยล่ะครับ

พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save