ผ่าแผน “แสนสิริ” ทำไมทุ่ม 80 ล้านเหรียญ ลงทุนใน Standard Hotels, MONOCLE

วันนี้แสนสิริ แถลงข่าวครั้งใหญ่ส่งท้ายปี แต่ไม่ได้เป็นการแถลงเปิดตัวหมู่บ้านหรือคอนโดอะไรใหม่แต่อย่างใด โดยกลับทำเซอร์ไพรส์ เปิดเผยตัวเลขลงทุน 80 ล้านดอลล่าร์ (2,650 ล้านบาท) ใน 6 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลก และมีชื่อบิ๊กเนม อย่างกลุ่ม Standard Hotels รวมถึงแบรนด์สื่อ MONOCLE อันทรงอิทธิพลด้วย

Disclosure: บทความนี้ ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

จริงๆ ต้องบอกว่า ความร่วมมือในลักษณะนี้ ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไรในยุคนี้ครับ ทุกอุตสาหกรรมกำลังต้องการ “พาร์ทเนอร์” โดยเฉพาะพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมที่ตัวเองไม่ได้อยู่โดยตรง และพาร์ทเนอร์ยอดนิยมที่สุดในยุคนี้ ที่ใครๆ ต่างหันมาจับมือด้วย ก็หนีไม่พ้นพาร์ทเนอร์ที่เป็นสายเทคโนโลยี ที่พร้อมจะทำให้ธุรกิจหลักของแต่ละฝ่าย เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดนั่นเอง

แสนสิริ เองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ ที่มองหาพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี แต่แสนสิริมองหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นยักษ์ใหญ่ในระดับโลก ที่มีความเกี่ยวข้องกับแวดวงอสังหาฯ ด้วยกัน และก็ไปถูกตาต้องไปกับกลุ่ม “Standard International” เจ้าของเครือโรงแรม The Standard Hotels โรงแรมบูติค ที่ฉีกกฎการเป็นห้องพักโรงแรมทั่วไป ด้วยคอนเซ็ปต์ไลฟ์สไตล์ที่มอบประสบการณ์ให้กับผู้เข้าพักแบบไม่เหมือนใคร ที่ถึงแม้จะไม่ใช่เครือโรงแรมยักษ์ใหญ่ (ปัจจุบันมีเพียง 5 สาขาเท่านั้น) แต่กลุ่ม Standard นี้ มีธุรกิจในเครือที่มีแนวคิดน่าสนใจ โดยมี “One Night” แอปช่วยจองโรงแรม แบบปัจจุบันทันด่วนภายในวันนั้นๆ ซึ่ง One Night ได้ไปจับมือกับโรงแรมที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี เปิดให้จองหลังเวลา 15:00 น. ในแต่ละวัน เพื่อจองห้องพักโรงแรมในคืนนั้นได้ในราคาพิเศษ และจองได้ง่ายมากๆ ผ่านแอปบนมือถือ ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับทั้งฝั่งคนจอง (ได้ราคาดีกว่าปกติ) และฝั่งโรงแรม (ขายห้องได้มากขึ้น) ซึ่งกำลังวางแผนขยายการให้บริการไปอีกหลายประเทศเร็วๆ นี้

Amar Lalvani CEO & Managing Partner, Standard International
Jimmy Suh, President and Co-founder, One Night

แสนสิริ ทุ่มงบกว่า 58 ล้านดอลล่าร์ กับกลุ่ม Standard International เพื่อเป็นผู้ถือหุ้น 35% โดยประกอบไปด้วยธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มคือเครือ คือ The Standard Hotel Operations and Management, Bunkhouse Group, แอพพลิเคชั่น One Night และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของโรงแรม

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ แสนสิริ กล่าวว่า “การลงทุนครั้งนี้นับเป็นการพัฒนาที่อยู่นอกเหนือธุรกิจหลักของเราเป็นครั้งแรก เรากำลังขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกและมุ่งลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสที่ดีเพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ” พร้อมตั้งเป้าว่า อนาคตแสนสิริจะโฟกัสทั้งหมด 3 เรื่อง คือ

  1. การลงทุนในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก
  2. การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัย (PropTech)
  3. การเสริมสร้างบทบาทความเป็นผู้นำ และขยายฐานผ่านสื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม

กลุ่ม Standard International ตอบโจทย์ข้อ 1 และ 2 ได้เป็นอย่างดี แต่ข้อสุดท้ายนี่แหละครับ “สื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม” ถือเป็นโฟกัสที่สำคัญอีกอย่างของแสนสิริ งานนี้จึงได้ไปจับมือกับกลุ่ม “MONOCLE” แบรนด์สื่อไลฟ์สไตล์เกรดพรีเมียมระดับโลก ตรงตามโจทย์ที่แสนสิริต้องการ ซึ่งทรงอิทธิพลอย่างมาก จากการนำของ Tyler Brûlé ผู้ซึ่งได้การยอมรับในแวดวงสื่อและไลฟ์สไตล์ในระดับนานาชาติ และปัจจุบัน Tyler ก็ไม่ได้มีแค่ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์อย่างนิตยสาร MONOCLE เท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจสร้างสรรค์ภาพยนตร์ การประชุมเสวนา สื่อออนไลน์ และสถานีวิทยุ 24 ชั่วโมง รวมทั้งครอบคลุมไปถึงธุรกิจไลฟ์สไตล์กลุ่มใหม่ ๆ อาทิ คาเฟ่ในลอนดอนและโตเกียว

Tyler Brûlé แห่ง MONOCLE

สิ่งที่น่าสนใจ คือ แสนสิริและ MONOCLE มีมุมมองทางธุรกิจที่ตรงกันด้วยวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นในเรื่องการออกแบบและการพัฒนาเมือง การจับมือเป็นพันธมิตรระหว่างแสนสิริและ MONOCLE ในครั้งนี้จะสร้างการผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อให้แบรนด์ทั้งสองเติบโตไปพร้อมๆ กันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้า และที่พักอาศัย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสำหรับให้ทั้งสองบริษัทสามารถขยายตัวในระยะยาว โดยโครงการแรกที่ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันคือโครงการคอนโดมิเนียม ที่จะเปิดตัวใน กทม. ในปีหน้านี้แล้ว (2018) น่าจับตามองนะครับ ว่าคอนโดที่มีความร่วมมือกับระหว่างแสนสิริ กับ MONOCLE จะออกมาในรูปแบบไหน

นอกจากนี้ แสนสิริ ยังได้ลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ในสายเทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัยเพิ่มเติมอีกด้วย เช่น Farmshelf บริษัทผู้พัฒนาระบบฟาร์มอัจฉริยะ ที่สามารถปลูกผักสดสะอาด ด้วยตัวเองในที่พักอาศัยได้แบบง่ายๆ หรือ Hostmaker บริษัทผู้บริหารการเช่าที่พักของ Airbnb ที่แสนสิริเอง ก็มีวิสัยทัศน์ทางด้าน home-sharing อยู่เช่นกัน รวมถึง JustCo ผู้ให้บริการ co-working space ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีแผนชัดเจนแล้วว่า แสนสิริ จะเปิด JustCo ในกรุงเทพทั้งหมด 4 แห่งในปีหน้าครับ

อุตสาหกรรมในแวดวงอสังหาฯ จะเปลี่ยนไป และไม่ได้จะเปลี่ยนในทิศทางเดิม เพราะเมื่อมีพาร์ทเนอร์เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน จะเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด อย่างที่แสนสิริได้แสดงวิสัยทัศน์ในงาน Everyday Visionaries ในครั้งนี้

บทความโดย:
อู๋ spin9

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save