สวัสดีแฟนๆ spin9.me ครับ วันนี้ผมกลับมาพร้อมกับรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นที่น่าสนใจ และถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงปลายปีนี้ อย่าง Huawei Mate 9 หนึ่งในสมาร์ทโฟนกล้องเทพ ในราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ และมีคุณสมบัติที่สมาร์ทโฟนสมัยใหม่ควรจะมีอยู่อย่างครบถ้วน

Huawei Mate 9 ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากสมาร์ทโฟนของ Huawei สองรุ่นด้วยกันครับ นั่นคือพัฒนามาจาก Mate 8 สมาร์ทโฟนแบตอึด สเปกจัดเต็ม กับพัฒนามาจาก Huawei P9 / P9 Plus สมาร์ทโฟนกล้องคู่จาก Leica ที่ขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องของกล้อง ถ่ายสวยล้ำจนทะลุขีดจำกัดของการเป็นกล้องมือถือไปไกล จนหลายคนอดใจไม่ไหว ไปจับจองมาเป็นเจ้าของกันไปแล้ว สร้างปรากฏการณ์ให้กับการถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือไม่น้อย แถมยังสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ Huawei ได้อย่างก้าวกระโดด อย่างที่หลายๆ คนน่าจะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ Huawei P9 กล้องคู่ไลก้ากันมาแล้ว
Disclosure: This is a sponsored post. The opinions are completely my own based on my experience.

Huawei ได้นำเอาจุดเด่นของทั้งรุ่น Mate 8 และความเป็นกล้องเทพของ P9 มารวมร่างกัน พัฒนาต่อยอดไปอีกขั้นให้กลายเป็นสมาร์ทโฟน Android ที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในของสเปกในปี 2016 ในชื่อรุ่น Huawei Mate 9 มาเขย่าตลาดส่งท้ายปีนั่นเองครับ
Design

Huawei Mate 9 เป็นสมาร์ทโฟนขนาดหน้าจอ 5.9 นิ้ว (ถือว่าใหญ่มากนะครับ ขนาด iPhone รุ่น Plus ยังมีขนาดหน้าจอแค่ 5.5 นิ้วเอง) แต่ถ้าดูจากขนาดตัวเครื่องจริงๆ แล้ว จะเห็นว่ามันแทบจะมีขนาดเท่ากันเลย ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องของดีไซน์แหละครับ เพราะ Huawei Mate 9 แทบจะไม่เหลือขอบของตัวเครื่องด้านซ้ายและขวาเลย ส่วนขอบด้านบนก็บางกว่า iPhone 7 Plus ค่อนข้างมากครับ

ด้านหน้าของ Huawei Mate 9 ไม่มีปุ่มนะครับ โดยปุ่มทั้งหมด ถูกวางเอาไว้ที่บริเวณขอบด้านขวาของตัวเครื่อง (ปุ่มเพิ่มลดเสียง และ ปุ่มพาวเวอร์) อย่างที่สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์หลากหลายรุ่นเลือกการวางปุ่มแบบนี้ ซื้อมาใช้ใหม่ๆ ก็แทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรกันมากนัก ส่วนขอบด้านซ้ายของตัวเครื่อง ก็ไม่มีปุ่มอะไรให้กด มีเพียงช่องถาดซิมการ์ดเท่านั้น โดย Mate 9 รองรับการทำงานแบบสองซิมด้วยนะครับ

ด้านหลังของตัวเครื่อง ดีไซน์แบบเรียบง่าย มีเซนเซอร์วงกลม สำหรับสแกนลายนิ้วมือ ใช้ในการทดแทนพาสเวิร์ดปลดล็อกตัวเครื่อง โดยด้านหลังนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่กล้องหลัง 2 ตัว (Dual Camera) ที่ทาง Huawei ร่วมพัฒนากับวิศวกรของ Leica เพื่อให้กล้องมือถือชุดนี้ ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ที่จะทำให้ภาพออกมามีประสิทธิภาพอย่างดีที่สุด อย่างที่ Huawei เคยทำมาแล้วในรุ่นยอดนิยมอย่าง Huawei P9 ที่ออกมาก่อนหน้านี้

ดูกันชัดๆ กับกล้องหลังสองตัวของ Huawei Mate 9 นะครับ กล้องตัวแรกจะเป็นกล้องที่เก็บภาพสี RGB ปกติ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ส่วนส่วนอีกตัว จะเป็นกล้องที่เก็บเฉพาะภาพโมโนโครม (ขาวดำ) ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ซึ่งกล้องโมโนโครมนี่แหละครับ ที่มันจะทำหน้าที่ในการเก็บมิติความลึกตื้นของภาพได้เป็นอย่างดี และเมื่อซอฟต์แวร์ของสมาร์ทโฟน นำภาพจากกล้องทั้งสองตัว มาประมวลผลร่วมกัน ก็จะได้ความเจ๋งของภาพที่มีมิติสวยงามมากขึ้น สามารถทำ “หน้าชัดหลังเบลอ” ได้แนบเนียนและแม่นยำสมจริง รวมถึงยังมีโหมดในการถ่ายภาพขาวดำ หรือโหมดโมโนโครม ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของแบรนด์ไลก้าด้วย (เดี๋ยวจะรีวิวให้ชมกัน ว่ามันออกมาเจ๋งขนาดไหน)

ขอบด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นตำแหน่งของลำโพง และช่องเสียบชาร์จไฟ โดยพอร์ตเสียบชาร์จ จะเป็นแบบ USB-C แล้ว (เฉกเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นใหม่ๆ) ซึ่งการชาร์จ Huawei Mate 9 นี้ จะรองรับการชาร์จเร็ว แบบที่ Huawei เรียกว่า Huawei SuperCharge ด้วย ส่วนขอบด้านบนของตัวเครื่อง จะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm มาให้

อะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่อง จะระบุไว้ชัดเลยว่าเป็น Huawei SuperCharge ครับ ซึ่งมันรองรับกำลังไฟที่ 5V/4.5A โดยหัวเว่ยเคลมว่า “เสียบชาร์จเพียง 20 นาที ก็สามารถใช้งานต่อได้ทั้งวัน” และหากชาร์จเต็มแล้ว แบตของ Mate 9 ก็อึดมากพอที่จะใช้งานได้ถึง 2 วันครับ ส่วนการใช้งานจริง เดี๋ยวผมสรุปให้ฟังนะ
Dual-Camera

ก่อนที่จะไปดูรีวิวเรื่องอื่นๆ ของ Mate 9 ผมขอคุยเรื่องกล้องก่อนเลยครับ เพราะนี่คือไฮไลต์โดดเด่นที่สุดที่ทำให้ Mate 9 น่าใช้ ด้วยเทคโนโลยีกล้องคู่ ที่ถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นมาอีกขั้นจากรุ่น P9 ให้เทคโนโลยีกล้องคู่จาก Leica นี้ มันเหนือชั้นขึ้นอีกไประดับ ไม่ว่าจะเป็นระบบกันสั่น OIS หรือ โหมดการถ่ายภาพที่มีให้เลือกหลากหลาย เพียงแค่เข้าโหมดกล้อง และทำการ swipe หน้าจอ เลื่อนซ้ายหนึ่งครั้ง ก็จะเจอกับโหมดต่างๆ ที่เยอะแบบนี้

เยอะจนเลือกกันแทบไม่ไหวครับ หลักๆ แล้วก็คือโหมด Photo ปกติ, โหมดขาวดำ (โมโนโครม), โหมดบิวตี้ หน้าเนียน หน้าขาว หน้าผอม ตาโต ที่สามารถเลือกเนียนได้หลายระดับ, โหมด HDR, Timelapse, สโลโมชั่น, พาโนรามา, ฯลฯ และยังสามารถดาวน์โหลดโหมดการถ่ายภาพมาเพิ่มเติมได้อีกในอนาคต เช่นผมได้ดาวน์โหลดโหมด Good food มาเพิ่มเติม สำหรับถ่ายภาพอาหารโดยเฉพาะ

ยังไม่พอแค่นั้น หากเราทำการเลื่อนหน้าจอไปทางขวาบ้าง ก็จะเจอกับ Settings ทั่วไปของตัวกล้อง ทั้งการปรับความละเอียด (ถ่ายได้สูงสุด 20 ล้านพิกเซล), ใส่พิกัด GPS, ใส่ลายน้ำคำว่า Leica, ตั้งเวลาถอยหลัง ฯลฯ

ส่วนระดับโปร ที่คุ้นเคยกับการถ่ายภาพด้วยกล้องใหญ่ๆ มาก่อน ก็ยังมีโหมด PRO ให้เลือกปรับได้ด้วยครับ ทำการ swipe หน้าจอขึ้นจากแถบด้านล่าง ก็จะเจอกับโหมดโปร เลือกปรับสปีดชัตเตอร์, รูรับแสง, ISO, White Balance ได้แบบจัดเต็ม ตอกย้ำความเหนือชั้นของกล้องมือถือ ว่ามันทำได้เยอะกว่าที่เราคุ้นเคยกันมา
มาดูตัวอย่างภาพจากโหมดหลักๆ ของ Mate 9 กันเลยครับ (ทุกภาพไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ นอกเหนือจากการย่อขนาดของภาพลงเท่านั้น)
Photo
โหมดถ่ายภาพปกติ แบบไม่ต้องปรับอะไรเลย คือเข้าโหมดกล้อง แล้วลองกดถ่ายแบบไม่ต้องมีความรู้อะไรเรื่องกล้องมากนัก กับสภาพแสงแบบต่างๆ ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะครับ




Wide Aperture Mode “หน้าชัดหลังเบลอ”
โหมดรูรับแสงกว้าง หรือถ้าเอาภาษาที่เข้าใจง่ายๆ คือโหมด “หน้าชัดหลังเบลอ” ของ Huawei Mate 9 นี่ทำออกมาได้แนบเนียนเลยล่ะครับ ผมว่าถ้าได้สภาพแสงดีๆ จัดองค์ประกอบเป๊ะๆ นี่บางรูปอาจจะแยกได้ลำบากเลย ว่านี่คือกล้องมือถือ ลองดูจากตัวอย่างกันนะครับ

ความเจ๋งของโหมดนี้ คือเราสามารถเลือกปรับค่ารูรับแสงได้ด้วย (ทางเทคนิคคือปรับด้วยซอฟต์แวร์นะ) ให้ส่วนที่เบลอ มันเบลอมากขึ้นไปอีก หรือจะปรับให้มันไม่เบลอเลย ชัดเฉลี่ยเท่าๆ กันทั้งรูปก็ทำได้เช่นกันครับ

ที่ผมชอบมากคือ มันสามารถทำการ Refocus ได้ด้วย โดยการแตะส่วนที่เราต้องการให้ชัดในภาพ ตัวซอฟต์แวร์จะคำนวนและทำการเบลอส่วนที่เหลือให้โดยอัตโนมัติ อ้างอิงจากค่าระยะความลึกตื้นที่กล้องคู่สามารถเก็บมาได้ โดยในภาพเดียวกันที่เราถ่ายมาเพียงครั้งเดียวนั้น เราสามารถมาเลือกแตะส่วนที่เราต้องการให้มันชัดได้ตามใจชอบในภายหลัง รวมถึงสามารถเซฟแยกออกมาเป็นหลายๆ ภาพ โดยแต่ละภาพมีจุดโฟกัสอยู่คนละตำแหน่งก็สามารถทำได้ครับ

ทางเทคนิคแล้ว กล้องตัวแรกจะเก็บภาพมาแบบชัดเจนเท่ากันทั้งรูปนี่แหละครับ ส่วนกล้องตัวที่สองมีหน้าที่ในการเก็บค่าความลึกตื้นของวัตถุในภาพนั้นๆ จากนั้นซอฟต์แวร์จะทำการเบลอส่วนที่เราไม่ต้องการโฟกัสทั้งหมด สมองของเราก็จะเกิดความเข้าใจเป็นภาพที่เสมือนภาพหน้าชัดหลังเบลอ แต่ความจริงแล้ว มันคือภาพที่ชัดทั้งรูป และซอฟต์แวร์ช่วยทำเบลอส่วนที่เราไม่ต้องการนั่นเองครับ
อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคนิคต่างๆ แล้ว โดยรวมถือว่าซอฟต์แวร์ของ Huawei Mate 9 สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างเนียนเลยครับ แถมการใช้งานก็เข้าใจง่าย และคำนวนได้รวดเร็ว ตอน Refocus นี่เราจิ้มตรงไหนก็ชัดตรงนั้นแทบจะทันทีเลย ไม่ต้องรอโหลดนานอีกด้วย


ผมได้เปรียบเทียบโหมด Wide Aperture ใน Huawei Mate 9 กับโหมด Depth Effect ใน iPhone 7 Plus ดูครับ ว่าการทำหน้าชัดหลังเบลอ ของ 2 สุดยอดมือถือกล้องคู่ในตลาดตอนนี้ ให้ผลออกมาเป็นอย่างไร (มุมกล้องของ iPhone 7 Plus จะถูกบังคับให้ใช้ระยะ 56mm ซึ่งเป็นระยะซูมเข้าไป 2 เท่าจากมุมมองของกล้องปกติ)
Monochrome


โหมดโมโนโครม หรือ ภาพขาวดำ ซึ่งถูกเก็บภาพมาจากเลนส์โมโนโครมโดยเฉพาะ อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของกล้อง Leica หลากหลายรุ่น มีการพัฒนาเจ้าเลนส์มือถือตัวนี้ ร่วมกับซอฟต์แวร์ที่ชาญฉลาด ที่จะทำให้ภาพขาวดำที่ถ่ายได้จาก Mate 9 ให้อารมณ์ของภาพ และมีมิติความลึกตื้นที่ได้ในภาพขาวดำออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ แตกต่างจากการใช้กล้องมือถือปกติที่ถ่ายแล้วเอามาใส่ฟิลเตอร์ขาวดำอย่างเ็นได้ชัด มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
Panorama
โหมดนี้ ไม่มีอะไรมากครับ เป็นการถ่ายพาโนรามาด้วยการแพนกล้องไปตามเส้นที่ซอฟต์แวร์ทำไกด์ไลน์มาให้เท่านั้นเอง ที่เหลือโปรแกรมจะปรับให้ทั้งหมด

Good food
โหมดถ่ายอาหาร หรือ Good food (ต้องดาวน์โหลดมาเพิ่มเติม) โหมดนี้ผมลองแล้ว ไม่ค่อยถูกใจเท่าไรนัก เพราะดูเหมือนจะเร่งสีขึ้นมามากจนผิดปกติไปหน่อย ลองถ่ายอาหารดูด้วยโหมดนี้แล้ว ผมว่าโหมดปกติแต่ตั้งค่าเป็น Vivid Color จะให้สีสดสวยสมจริงมากกว่านะครับ

Beauty Mode
โหมดปรับสวย หน้าเนียน หน้าขาว หน้าผอม ตาโต (ใครเป็นคนนิยามนะ ว่าความสวยต้องแบบนี้) โดยโหมดนี้ จะมีเลเวลให้เลือกได้ 10 ระดับครับ โหมดนี้ผมขอทดสอบโดยใช้กล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลนะครับ เนื่องจากสาวๆ คงมีโอกาสได้เซลฟี่ในโหมดบิวตี้นี้ มากกว่าใช้กล้องหลังกันเป็นแน่แท้ (โหมดบิวตี้ มีให้เลือกทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าครับ)

Front Camera
เทียบกับกล้องหน้าของ iPhone 7 Plus ด้วยมุมมองเดียวกัน มีความแตกต่างกันชัดเจนพอสมควร อันนี้ต้องแล้วแต่สไตล์ว่าชอบแนวไหนนะครับ (iPhone ไม่มีบิวตี้โหมดเนอะ) กล้องมือถือสองรุ่นนี้ ให้ skintone ที่แตกต่างลิบลับมาก

Performance
ส่วนสำคัญถัดมา ใน Huawei Mate 9 ก็คือเรื่องของประสิทธิภาพครับ โดยซีพียูที่หัวเว่ยเลือกใช้ เป็นซีพียู 64-bit แปดแกน Octa-core ของ HiSilicon Kirin 960 ความเร็ว 2.4 GHz +1.8 GHz ชิปกราฟฟิก Mali-G71 ซึ่งถือว่าเป็นสเปกที่สูงมากเมื่อเทียบกับตลาดสมาร์ทโฟนปัจจุบัน อัดแรมมาให้ 4GB กับหน่วยความจำภายใน 64GB และยังแถม microSD Card ให้อีก 64GB สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย ส่วนซอฟต์แวร์ที่ให้มากับเครื่อง ก็เป็น Android เวอร์ชั่น 7.0 มาเลย เรียกได้ว่ารองรับการใช้งานกับแอพบน Play Store แทบทุกตัว ได้อย่างไหลลื่น ไม่ว่าจะแอพสำหรับการใช้งานทั่วไป แอพแต่งภาพ ตัดต่อวิดีโอ ไปจนถึงเกมกราฟฟิกโหดๆ ก็ไม่มีหวั่นครับ สเปกสูงแบบนี้ อยู่กับเราได้นานเป็นปีๆ แบบไม่ต้องกลัวตกรุ่น
EMUI 5.0

อีกส่วนหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คือเรื่องของอินเทอร์เฟซหน้าจอ หรือ UI ของ Huawei Mate 9 ที่ถูกอัปเกรดมาเป็นเวอร์ชั่นใหม่ ดีไซน์ใหม่ ในชื่อ EMUI 5.0 ซึ่งทางหัวเว่ยเคลมว่า เกือบทุกคำสั่ง สามารถเข้าถึงได้ด้วยการแตะหน้าจอไม่เกิน 3 ครั้ง แถมยังออกแบบมาให้มีความสวยงาม เรียบง่าย เข้าใจง่าย ใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอะไรมากนัก
Huawei SuperCharge
อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ครับ หัวเว่ยเคลมว่า Mate 9 นี้ ยังคงมีจุดเด่นของเรื่องแบตอึดที่พัฒนามาจาก Mate 8 โดยอัดความจุแบตเตอรี่มาให้มากถึง 4,000 mAh และภายใต้การใช้งานแบบปกติ สามารถอยู่ได้นานถึง 2 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สมใจคนที่อยากใช้งานสมาร์ทโฟนแบบหนักหน่วง ชนิดที่ไม่ต้องกลัวแบตหมดเร็ว หรือไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงก์ให้หนักกระเป๋าอะไรมากนัก

แต่หากลืมชาร์จ หรือมีความจำเป็นต้องใช้งานมากกว่าปกติจริงๆ ในกล่องของ Huawei Mate 9 ก็มีอะแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบเร่งด่วน หรือที่เรียกว่า Huawei SuperCharge มาให้ โดยสามารถจ่ายกระแสไฟได้มากถึง 5V/4.5A

หากเราเสียบชาร์จ Mate 9 เข้ากับอะแดปเตอร์ที่ให้มากล่อง บนหน้าจอจะแสดงข้อความ Super charging และก็จะสามารถชาร์จได้แบบเร็วมากๆ ครับ เท่าที่ผมลองในโหมดนี้ เสียบชาร์จเพียง 20 นาที จะได้แบตเตอรี่ขึ้นมาเกือบ 40% เลยทีเดียวแหละ
นี่เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนแบตอึดในตลาดปัจจุบันก็ว่าได้เลยครับ
Summary
ส่งท้ายปี 2016 ด้วยสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นที่เน้นเรื่องของความสมบูรณ์แบบ “กล้องเทพ สเปกดี ชาร์จเร็ว แบตอึด ใช้งานง่าย ใส่ได้สองซิม” ให้ความจุมา 64GB เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปของคนส่วนมาก และสามารถเลือกเอาช่องซิมที่สองเปลี่ยนมาใส่ microSD Card แทนเพื่อเพิ่มความจุก็ได้ Huawei Mate 9 เปิดราคาขายในไทย 23,900 บาท มีสองสีให้เลือก คือ สี Champaign Gold (แบบที่เห็นในรีวิวนี้) และ สีน้ำตาล Mocha Brown
จากการใช้งานมาสักพัก ผมกล้าแนะนำว่า นี่เป็นสมาร์ทโฟนในฝั่งแอนดรอยด์ที่น่าสนใจมากรุ่นหนึ่งในตลาดปัจจุบันครับ สมบูรณ์แบบ มีฟีเจอร์ที่เหล่าสมาร์ทโฟนในยุคปี 2016 (รวมถึง 2017) ควรจะพึงมี ยกเว้นแต่มันไม่กันน้ำเหมือนกับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปของบางค่ายเท่านั้นเอง
หรือถ้าใครยังรอไหว จะรอดูรุ่นสเปกแรง(ขึ้นอีก) อย่าง Huawei Mate 9 Pro ก็ได้ครับ จะตามมาขายในช่วงกลางเดือนมกราคม 2017 นี้ ด้วยขนาดหน้าจอที่เล็กกว่า Mate 9 ปกติ เหลือ 5.5 นิ้ว แต่มีความละเอียดหน้าจอสูงขึ้นเป็นระดับ 2K มีดีไซน์ของตัวเครื่องที่เรียบหรูขึ้น ขอบเครื่องโค้งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงมีความจุภายใน 128GB และมีแรม 6GB เปิดราคา 27,900 บาท
ยังไม่พอแค่นั้น เพราะ Huawei ยังปิดท้ายด้วยรุ่นดีไซน์พิเศษ Porsche Design Huawei Mate 9 ออกแบบร่วมกับสถาบัน Porsche Design สุดพิเศษ ใช้สี Graphite Black Limited Edition มีสเปกเหมือนกับรุ่น Mate 9 Pro แต่อัดความจุสูงขึ้นไปเป็น 256GB และจะจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 800 เครื่องในประเทศไทยเท่านั้น ด้วยราคา 49,900 บาท เริ่มวางขายกลางเดือนมกราคม 2017 เช่นกัน
พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ
- รีวิว HONOR Magic5 Pro — กล้องดีสุดในโลก?
- รีวิวแว่น OWNDAYS x HUAWEI — แว่นฝังลำโพง ใช้ง่าย ดีไซน์เรียบ ตัดค่าสายตาได้ฟรี
- เปิดระบบ Smart Home ที่บ้าน — บอกหมด เราใช้อะไรบ้าง
- รีวิว Apple TV 4K — รุ่นใหม่ ชิพแรง แต่ราคาถูกลง ใช้ดีมากจริง
- รีวิว EBO Air — หุ่นยนต์กล้องดูแมว ของที่ไม่คิดว่าจะมี รู้ตัวอีกที เล่นทุกวัน 😂
- รีวิว Nothing Ear (2) — หูฟังใสดีไซน์สวย เสียงดี ตัดเสียงรบกวนได้ 5,490 บาท
- รีวิว OPPO Find N2 Flip — ประสบการณ์หลังใช้งานจริง
- พรีวิว OPPO Find N2 Flip — จอพับจากออปโป้ เปิดราคา 29,990 บาท
- แกะกล่อง iPhone 14 สีเหลือง — ไอโฟนรสกล้วย 🍌
- แชร์เทคนิคเลือก OLED TV คู่บ้านยุคใหม่ที่ LG OLED evo ดีไซน์สวย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
- ‘จำลองการถูก HACK’ — ซ้อมไว้ก่อนโดนจริง
- กล้อง Samsung Galaxy S23 Ultra ดีแค่ไหน??
- รีวิว Mac mini M2 — นี่คือแมคที่แรงคุ้มราคาที่สุดที่เคยมีมา (ถ้ามีจออยู่แล้ว 😂)
- บุกแล็บ MIT-IBM Watson AI — เจาะอนาคต AI ในมุมมองของ IBM
- แรงไฟลุก รีวิว MacBook Pro 2023 ชิพ M2 Pro และ M2 Max
- รีวิว OnePlus 11 5G — นักฆ่าเรือธง กลับมาแล้ว สเปคสุดท็อป ในราคาสามหมื่น
- 5 รายละเอียด OnePlus 11 5G – พร้อมกลับมาทวงคืน Flagship Killer
- เปิดตัว Galaxy S23 Ultra กล้อง 200 ล้านพิกเซล สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปจาก Samsung
- พาชมเครื่องปริ้นท์คิ้ว สวยเป๊ะ แบบไม่ต้องสัก และ Beauty Tech สุดล้ำจาก L’Oréal
- สรุปเทรนด์เทคโนโลยี ปี 2023 จากงาน CES ลาสเวกัส
- Samsung จัดเต็ม CES 2023 พาชมทีวีรุ่นใหม่ก่อนขายปีนี้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้บ้านสวยขึ้น
- เบื้องหลัง Microsoft Surface คอมพิวเตอร์คุณภาพสูงที่มุ่งเป้า Net Zero
- 10 สินค้าวัดใจแฟน Apple
- รีวิวเคส Magic Keyboard สำหรับ iPad Pro
- รีวิว AirPods Pro ของปลอมทุกรุ่น – อันไหนปลอม? อันไหนโปร?
- รีวิว HP Elite Dragonfly แล็ปท็อปธุรกิจ บาง ครบเครื่อง
- 5 แก็ดเจ็ต เพื่อความสุขใจในห้องน้ำ
- รีวิว Sony A9 II – ท็อปสุดแล้วของ Sony
- ลำโพง Devialet 119,000 บาท เสียงดี และแพงที่สุดในโลก
- รีวิว Microsoft Surface Pro 7
- 2020 เราจะมีห้องน้ำแมวบอกโรค และเครื่องดูดฝุ่นจับขโมย !
- 3 ข้อคิดสำคัญแห่งอนาคตกับงาน CREATIVE TALK CONFERENCE 2020
- รวมเทคโนโลยีและแก็ดเจ็ตที่ถูกฆ่าทิ้งในปี 2019
- สรุป 10 สุดยอดเกม แห่งทศวรรษ
- สรุป 10 สุดยอด Gadgets แห่งทศวรรษ
- แปลง Galaxy Note 10 ให้เป็นคอมพิวเตอร์ ด้วยสายเส้นเดียว
- รีวิว Vivo V17 รุ่นสุดคุ้มส่งท้ายปลายปี 11,999 บาท กล้อง 4 ตัว รอม 256GB!
- รีวิว LOGA คีย์บอร์ด เมาส์ แบรนด์ไทยน้องใหม่ สำหรับเกมเมอร์ตัวจริง
- พนักงาน Amazon เอาเวลาว่างจากงานหลักไปทำอะไร?
- ซู่ชิงพาร่วมงาน AWS re:Invent 2019 สรุปงานใหญ่ประจำปีของ Amazon Web Services อย่างเข้าใจง่าย
- ซู่ชิงพาร่วมงาน AWS re:Invent 2019 สรุปงานใหญ่ประจำปีของ Amazon Web Services อย่างเข้าใจง่าย
- ซู่ชิงพาไปช้อปปิ้งที่ Amazon Go แค่หยิบของ ก็เดินออกจากร้านได้เลย
- รีวิว MacBook Pro 16″ ใหญ่ แรง หนัก แต่แก้มาจบทุกปัญหา
- รีวิว Samsung Cube AX9500 เครื่องฟอกอากาศสุดหรู รุ่นใหม่จากซัมซุง
- ใช้ดีกว่าที่คิด – รีวิว Samsung Galaxy Fold หลังใช้มาเดือนกว่าๆ
- รีวิว Canon EOS RP กล้องฟูลเฟรม Mirrorless ที่เล็กที่สุดของ Canon
- รีวิว AirPods Pro อย่างละเอียด พร้อมตอบทุกข้อสงสัย
- รีวิว OnePlus 7T Pro McLaren Edition สวย แรง ลื่น เรือธงตัวท็อปของปีนี้
- รีวิว Ecovacs Deebot Ozmo 900 หุ่นยนต์ดูดฝุ่น+ถูพื้น ในตัวเดียวกัน!
- รีวิว Dell XPS13 2-in-1 รุ่นล่าสุด 10th Gen Intel Core i7 ท็อปสุด แรงสุดในยุคนี้
- มาแล้ว YouTube Premium ในไทย ดูยูทูปแบบไม่มีโฆษณา เดือนละ 159 บาท พร้อมเปิดตัว YouTube Music
- รีวิว GoPro MAX ที่สุดของกล้องโกโปร ถ่าย Vlog ขั้นเทพ ที่ไม่ได้มีดีแค่ 360 องศา
- รีวิว Garmin VENU สมาร์ทวอช หน้าจอ AMOLED รุ่นแรกจาก Garmin
- มาแล้ว Apple TV+ บริการสตรีมมิ่งจาก Apple ในราคา 99 บาท/เดือน
- รีวิว Lenovo ThinkBook 13s แล็ปท็อปธุรกิจ ดีไซน์คลาสสิค เรียบง่ายแบบมืออาชีพ
- รีวิว Vivo V17 Pro มือถือสุดคุ้ม กล้อง 6 ตัว ถ่ายรูปสนุกมือ
- พาชม “Oppo Super Flagship Store” ร้าน Oppo สุดไฮเทคแห่งแรกในไทย
- รีวิว iPhone 11 Pro (Max) ทุกสี – ทั้งคลิปถ่ายด้วย iPhone 11 Pro
- รีวิว Apple Watch Series 5 – นาฬิกาที่จอภาพไม่เคยหลับ
- ทำไมต้องมองหา Intel ถ้ากำลังเลือกซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่
- รีวิว Apple CarPlay – ระบบช่วยเหลือคนขับจาก Apple ที่สวยกว่าเดิม และ ปลอดภัยกว่าเดิม
- รีวิว iPhone 11 แบบจัดเต็ม พร้อมแกะกล่องทุกสี
- รีวิว OPPO Reno2 และ Reno2 F ราคาเร้าใจ กล้องหลัง 4 ตัว ครบทุกระยะ สวยทุกมุมมอง
- รีวิว Vivo NEX 3 รุ่นท็อป 24,999 บาท รวมสุดยอดนวัตกรรมมือถือไว้ในเครื่องเดียว
- แกะกล่อง Galaxy Fold พร้อมขายในไทย 69,900 บาท พังง่ายจริงไหม?
- พาชม Steve Jobs Theater อย่างเจาะลึก สุดยอดหอประชุมที่ Apple ใช้เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่
- รีวิว HUAWEI nova 5T สมาร์ทโฟนหมื่นต้นๆ ที่คุ้มที่สุดในเวลานี้
- รู้ก่อนอัปเดต! สรุปฟีเจอร์ใหม่ iOS 13 เปิดให้โหลดแล้ววันนี้!
- Apple Arcade บริการใหม่ จ่าย 99 บาท/เดือน เล่นได้ทุกเกมไม่อั้น
- จับเครื่องจริง! iPhone 11 ทุกรุ่น ทุกสี สดจากงานเปิดตัว
- รีวิว Samsung Galaxy Fold รุ่นขายจริง สมาร์ทโฟนจอพับได้ ราคาหกหมื่น!
- สัมผัสแรก ความแรง 5G ใจกลางกรุงเทพฯ – ทะลุ 1.8 Gbps!
- รีวิวฉบับเต็ม Samsung Galaxy Note 10 และ Note 10+ | ไม่ได้ใช้ปากกาเลย ก็ยังยอดเยี่ยม
- คลิปเดียวเคลียร์! ปี 2019 ซื้อ MacBook รุ่นไหนดี!? – MacBook Air, MacBook Pro?
- ทำความเข้าใจ กรณีสายการบินห้ามนำ MacBook Pro 15 นิ้วขึ้นเครื่อง
- รีวิวแอร์ Samsung Wind-Free แอร์ยุคใหม่ เย็นสบาย แบบไม่มีลมปะทะตัว
- สรุป! Galaxy Note10 มีอะไรใหม่บ้าง? น่าใช้แค่ไหน? พาจับเครื่องจริง
- รีวิว Samsung Space Monitor จอคอมแนวคิดใหม่ เพิ่มพื้นที่ให้โต๊ะทำงาน
- รีวิว หูฟัง Sony WF-1000XM3 ตัวเล็ก เสียงดี ตัดเสียงรบกวนได้
- มาแล้ว Oppo Reno สีใหม่! Sunset Rose Limited Edition พร้อมโปรราคาพิเศษ
- รีวิว LG OLED TV 65B9 ทีวีดีไซน์บางเฉียบ! จนต้องขอเข้ามาดูใกล้ๆ
- จะซื้อโทรศัพท์ Huawei ยังต้องกังวลอยู่อีกไหม?
- แกะกล่อง HUAWEI P30 Pro สีใหม่ Limited Edition สี Amber Sunrise พร้อมเคสคริสตัล Swarovski
- รีวิว Dyson V11 Absolute เครื่องดูดฝุ่นไร้สายอัจฉริยะ
- รีวิว LG NanoCell AI TV ทีวีอัจฉริยะ สั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยได้!
- รีวิว Samsung QLED 8K ดื่มด่ำกับความคมชัดสมจริง กับทีวีความละเอียดระดับ 8K
- รีวิว Oppo Reno 10x Zoom มือถือซีรีส์ใหม่ ดีไซน์เฉียบ ซูมไกล 60 เท่า!!
- แกะกล่อง Oppo Reno 10x Zoom มือถือที่ซูมได้เยอะที่สุดในขณะนี้!
- สรุปทุกอย่างที่ Apple เปิดตัว จากงาน Apple WWDC 2019 พร้อมจับเครื่องจริง Mac Pro ใหม่
- พรีวิวเครื่องจริง Mac Pro ใหม่ พร้อมจอ Apple Pro Display XDR
- ไม่มีเวลา ก็ลงทุนได้ไม่ยาก กับบริการจัดพอร์ตกองทุนครบวงจร TMB Smart Port
- รีวิว Google Pixel 3a กล้องเทพระดับพิกเซล ที่ราคาถูกลงเกือบครึ่ง!
- จับเครื่องจริง OnePlus 7 Pro สมาร์ทโฟนนักฆ่าเรือธงรุ่นล่าสุด พร้อมสรุปทุกจุดเด่น
- แกะกล่องก่อนใคร! OnePlus 7 Pro รุ่นท็อปสุด จากงานเปิดตัว
- บอกเทคนิค วิธีหาตั๋ว Business Class ให้ได้ถูกที่สุด!
- วิธีตั้งค่ามือถือให้ประหยัด Data ที่สุด ก่อนใช้ Wi-Fi บนเครื่องบิน
- รีวิว Vivo V15 มือถือกล้องเซลฟี่แบบ “ป๊อบอัพ” ความละเอียดสูงที่สุดในโลก
- รีวิว หูฟัง SONY WH-1000XM3 หูฟังไร้สาย ตัดเสียงรบกวนขั้นเทพ
- 3BB Infinite Fiber เน็ตบ้านสุดแรง 500/500Mbps แค่เดือนละ 1,200 บาท
- รีวิว AirPods “เจเนอเรชั่น 2” เคสชาร์จแบบไร้สาย ชิพใหม่ แบตอึดกว่าเดิม
- รีวิว HUAWEI P30 Pro สมาร์ทโฟน ที่มีกล้องดีที่สุดในเวลานี้
- รีวิว AIS SIM2Fly แพ็กใหม่ รายปี 2,799 บาท ซิมเดียว ใช้ได้ทั้งปี คุ้มไหม? เหมาะกับใคร?
- ผ่านวัตกรรม OPPO ปี 2019 – กล้องมือถือซูมได้ 10 เท่า, เตรียมเปิดมือถือ 5G รุ่นแรก
- พาชม Samsung Galaxy S10 ครบทุกฟีเจอร์ใหม่
- พรีวิว ‘Today at Apple’ โฉมใหม่ การปรับตัวครั้งสำคัญของร้าน Apple Store
- สรุปทุกเทรนด์เทคโนโลยี ปี 2019 จากงาน CES ลาสเวกัส
- พาชมร้าน .life (ดอทไลฟ์) สาขา CentralWorld เปิดใหม่ ใหญ่กว่าเดิม
- เทียบกันชัดๆ HUAWEI Mate 20 | Mate 20 X | Mate 20 Pro — รุ่นไหนเหมาะกับใคร?
- รีวิว iPad Pro ใหม่ (2018) ไร้ปุ่มโฮม จอสุดขอบทุกด้าน พร้อม Apple Pencil ใหม่
- เปิดผ้าคลุม พาชมร้าน Apple Iconsiam ครบทุกมุม พร้อมแนวคิดการออกแบบ
- รีวิว Apple Watch Series 4
- ขึ้นป้ายแล้ว! ร้าน Apple Store กรุงเทพฯ สาขาแรกที่ ICONSIAM เปิด 10 พ.ย. นี้
- รีวิว iPhone XR
- รีวิว OPPO Find X Automobili Lamborghini สมาร์ทโฟนที่ชาร์จเร็วที่สุดในโลก!
- รีวิว Samsung QLED Q9F ทีวีในซีรีส์ท็อปสุดจากซัมซุงประจำปี 2018
- แนะนำสุดยอดทีวี สำหรับดู Netflix ให้ฟิน ครบทุกรายละเอียดภาพและเสียง
- จับเครื่องจริง! iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR จากงานเปิดตัว
- รีวิว HUAWEI MediaPad M5 Pro – แอนดรอยด์แท็บเล็ต ครบรส จบในเครื่องเดียว
- รีวิว Samsung Galaxy Note 9
- รีวิว MacBook Pro 2018 กดสเปกแบบจัดเต็ม ฿256,900 บาท!
- รีวิวทีวี รุ่นท็อปสุดจาก LG ราคาหกแสนบาท! – LG OLED TV W8
- แกะกล่อง Porsche Design HUAWEI Mate RS มือถือสเปกเทพ ดีไซน์หรู
- เมื่อ “วงการไอที” เปลี่ยนไป “คนไอที” ก็ต้องเปลี่ยนแปลง
- รีวิว Apple TV 4K
- วิธีเพิ่มบัตร Suica เข้าไปใน iPhone ใช้แตะขึ้นรถไฟใต้ดินญี่ปุ่นได้เลย
- แนะนำแอปสำหรับคนเดินทาง ที่ควรโหลดติดเครื่องไว้
- พาไปรู้จัก oka HAUS Sukhumvit 36 คอนโดพร้อม Innovation แนวคิดใหม่ ใจกลางสุขุมวิท
- ชวนมาใช้ LINE MOBILE เล่นไลน์ฟรี ไม่เสียเน็ต พร้อมรับส่วนลดตลอดชีพ
- รีวิว iPhone X
- แชร์เทคนิค ใช้ WiFi ในห้องพักโรงแรมให้เร็วสะใจ
- ผ่าแผน “แสนสิริ” ทำไมทุ่ม 80 ล้านเหรียญ ลงทุนใน Standard Hotels, MONOCLE
- รีวิว iPhone 8 และ iPhone 8 Plus พร้อมตัวอย่างภาพจากกล้อง
- คุยกับ Angela Ahrendts ผ่าแนวคิด “เหตุใด Apple จึงเลือกเปิด Apple Store สาขากรุงเทพ”
- พรีวิว iPhone X จับเครื่องจริง หลังงานเปิดตัว พร้อมตอบทุกข้อสงสัย
- รีวิว LG G6 สมาร์ทโฟนจอสวย กล้องคู่ ถ่ายมุมกว้างได้แบบสุดๆ
- วิธีหา Flight ราคาถูกที่สุด ด้วยตัวเอง
- รีวิว iMac 27″ Retina 5K (2017) ใหม่สุด แรงสุด จอสวยสุด
- รีวิว iPad Pro 10.5 นิ้ว – iPad ที่คู่ควรแก่การอัปเกรด
- สรุปทุกอย่างจากงาน LINE Conference 2017 บอกอนาคต LINE อีก 5 ปีข้างหน้าชัดเจน
- รีวิว Huawei Mate 9 สมาร์ทโฟนกล้องคู่ Leica รุ่นล่าสุด
- รีวิว iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
- รีวิว Techart PRO แปลงเลนส์ Leica มาใส่กล้อง Sony A7 แบบออโต้โฟกัสรุ่นแรกของโลก
- แชร์เทคนิคการใช้มือถือที่ต่างประเทศขั้นเทพ จากคนที่เจ็บมามาก
- [เที่ยวแบบ geek] พกสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว ลุย Rio de Janeiro ก่อนมหกรรมโอลิมปิก
- พาชม Apple Union Square ร้าน Apple Store ที่ใหม่ที่สุด และล้ำที่สุดในปัจจุบัน
- รีวิว iPad Pro 9.7″ สีชมพูโรสโกลด์ ไอแพดโปร ในขนาดที่คุ้นเคย
- แกะกล่อง Apple Watch ‘Black Milanese’ สายใหม่ คมเข้มกว่าเดิม
- รีวิว iPhone SE เครื่องจริง ไอโฟนเล็ก สเปคแรง แห่งปี 2016
- วิธีออกจากกรุ๊ป LINE ที่น่ารำคาญ โดยไม่มีใครรู้
- รีวิว iPad Pro ทำไมต้องใหญ่? ทำไมต้องแพง? เหมาะกับใคร?
- รีวิว แท่นชาร์จ Apple Watch Magnetic Charging Dock
- [Exclusive] เปิดรถคันจริง ดู 5 เทคโนโลยีสุดล้ำใน BMW ซีรีส์ 7 ใหม่
- อย่าแชร์รูป Boarding Pass
- แกะกล่อง รีวิว Apple Watch Hermès – เมื่อเทคโนโลยีจับมือกับแฟชั่น
- แกะกล่อง รีวิว iPhone 6s และ iPhone 6s Plus
- รีวิว Apple CarPlay บนรถ Ferrari 488 Spider ใหม่
- รีวิว MyUS บริการสร้างที่อยู่ในอเมริกา สั่งของจากเว็บนอก ส่งถึงไทยได้ง่ายๆ
- สาวกทุนต่ำ – เผยวิธีแปลง Apple Watch ให้เป็น Apple Watch Edition ด้วยเงินบาทเดียว!
- รีวิว นาฬิกา Apple Watch ภาคภาษาไทย ฉบับจัดเต็ม
- รีวิว moto 360 นาฬิกาข้อมือที่เปลี่ยนยี่ห้อได้ทุกวัน
- เยือนบ้านใหม่กูเกิลประเทศไทย “ทำไมบริษัทนี้ถึงน่าทำงานที่สุดในโลก”