HUAWEI เขย่าตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมส่งท้ายปลายปี ด้วยการเปิดตัว HUAWEI Mate 20 พร้อมกันถึง 3 รุ่นรวด (ยังไม่นับว่ามี Porsche Design อีก) พร้อมตอกย้ำการเป็นสุดยอดแบรนด์สมาร์ทโฟนแห่งนวั
Disclosure: บทความนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก HUAWEI โดยความเห็นทั้งหมดเป็นของผู้เขียน จากประสบการณ์ที่ได้รับจริงในการใช้งาน
หลายคนได้เห็นถึงอานุภาพของกล้อง Leica Triple Camera ของ HUAWEI Mate 20 Pro ไปบ้างแล้วตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวนะครับ พออยากได้ ก็ไม่แน่ใจว่าควรจะซื้อ Mate 20 รุ่นไหนดี แต่ละรุ่นแตกต่างกันยังไงบ้าง จะถ่ายภาพได้สวยเท่ากันมั้ย รุ่นไม่โปรถูกลดทอนอะไรออกไปจากรุ่นโปรบ้าง วันนี้ผมขอหยิบเอา Mate 20 Series ทั้ง 3 รุ่นย่อย (Mate 20, Mate 20 X และ Mate 20 Pro) มาเทียบกันชัดๆ ถึงความแตกต่าง เพื่อไม่ให้เกิดการสับสน และเราจะได้เลือกซื้อรุ่นที่เหมาะสมกับเราได้ครับ
Design
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/huawei-mate-20-series-hth.jpg)
HUAWEI Mate 20 , Mate 20 X และ Mate 20 Pro มีหน้าตาและขนาดที่ไม่เหมือนกัน และสามารถแยกได้ไม่ยากเลยครับ เพราะ Mate 20 รุ่นเริ่มต้น มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า Mate 20 Pro เล็กน้อย และดีไซน์ของขอบตัวเครื่องไม่เหมือนกัน ส่วนรุ่น Mate 20 X นั้น ขนาดของตัวเครื่องจะใหญ่เป็นพิเศษ ด้วยขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 7.2 นิ้ว ในรุ่น Mate 20 และ Mate 20 X ด้านบนของขอบจอจะมีติ่งสีดำเป็นหยดน้ำเล็กๆ ที่เป็นตำแหน่งของกล้องหน้า ส่วนในรุ่นพี่อย่าง Mate 20 Pro จะมีขอบสีดำเป็นแนวยาว สำหรับวางเซนเซอร์หลากหลายตัว เพราะ Mate 20 Pro มีเซนเซอร์สแกนความลึกของใบหน้า และสามารถสแกนวัตถุ 3 มิติได้ด้วย
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC01773.jpg)
พลิกไปดูด้านหลัง HUAWEI Mate 20 ทั้งสามรุ่น ใช้กล้องหลังแบบ Leica Triple Camera ทั้งหมด (แต่มีสเปกกล้องที่แตกต่างกัน ที่เดี๋ยวจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป) บวกกับไฟแฟลช จัดเรียงเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่กึ่งกลางของตัวเครื่อง โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งทาง HUAWEI ให้ข้อมูลว่า ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากไฟหน้าแบบ LED ของรถ Porsche
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC01783.jpg)
ความแตกต่างชัดเจนของด้านหลังในแต่ละรุ่น คือใน HUAWEI Mate 20 และ Mate 20 X จะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้วย ในขณะที่ Mate 20 Pro จะไม่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหลังเลย เพราะ HUAWEI ได้ฝังเอาเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้าไปอยู่บนหน้าจอด้านหน้า เวลาจะปลดล็อกก็แค่วางนิ้วลงไปบนหน้าจอ ทำได้ล้ำกว่าใครเพื่อน
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC01966.jpg)
ใน Mate 20 Pro มีดีไซน์ขอบตัวเครื่องที่ไม่เหมือนรุ่นอื่นด้วยนะครับ เพราะใช้หน้าจอขอบโค้ง Curved OLED การจับถือจึงได้ฟีลลิ่งที่เข้ามือมากกว่ารุ่นอื่นๆ และมันเป็นหน้าจอที่สวยงามมากๆ ด้วย ให้ความละเอียดสูงถึง 2K+ ในขณะที่รุ่น Mate 20 และ Mate 20 X หน้าจอมีความละเอียด FHD+ เท่านั้น
Camera
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC01728.jpg)
ในเรื่องของกล้องบ้างนะครับ ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของ HUAWEI Mate 20 Series ครั้งนี้ อย่างที่บอกไป ว่าทุกรุ่นใช้กล้องหลัง 3 ตัว Leica Triple Camera ทั้งหมด HUAWEI เลือกที่จะจัดวางกล้อง 3 ตัว ให้มีหน้าที่แตกต่างกันไป โดยกล้องตัวแรก เป็นกล้องหลัก มุมมองปกติ, กล้องถัดมา เป็นเลนส์ Ultra Wide ถ่ายภาพมุมกว้างแบบสุดๆ และกล้องตัวสุดท้าย ทำหน้าที่เป็นเลนส์ซูม สำหรับการถ่ายภาพจากระยะไกล โดยใน Mate 20 รุ่นปกติ จะได้สเปกกล้องที่น้อยกว่า Mate 20 X กับ Mate 20 Pro อยู่บ้าง
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/Screenshot_20181019_145012_com.huawei.camera.jpg)
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ต่างๆ ของตัวกล้อง ใน Mate 20 Series ทุกตัว ก็ยังคงมีมาให้ครบถ้วนเท่ากันนะครับ ระบบ Master AI ยังตรวจจับสิ่งที่เราจะถ่ายและปรับโหมดให้เราได้อย่างชาญฉลาด จะถ่ายคนก็เข้าโหมด Portrait ให้ จะถ่ายกลางคืนก็มีโหมด Night แถมรอบนี้เพิ่มเข้ามาอีกหลายโหมด เช่นผมจะถ่ายรถ มันก็รับรู้และตรวจจับได้เลยว่าเรากำลังจะถ่ายรถ ปรับโหมดภาพที่เหมาะสมกับวัตถุที่เราจะถ่ายให้อย่างทันทีทันใด
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181017_131058.jpg)
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181016_213711.jpg)
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181019_140101.jpg)
Landscape
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181029_134721.jpg)
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181108_235811.jpg)
ผมว่ากล้องใน HUAWEI Mate 20 Series ที่โดดเด่นขึ้นมากคือเรื่องการถ่ายภาพ Landscape หรือภาพวิวนะครับ รายละเอียดของต้นไม้ , ตึก , ท้องฟ้าต่างๆ มันสามารถให้รายละเอียด ช่วง dynamic ได้กว้าง ส่วนมืดของภาพยังเห็นรายละเอียดได้คมชัด ในขณะที่ส่วนสว่างก็ไม่ขาวเวอร์จนมองไม่เห็นดีเทล ซึ่งถ้าส่วนสว่างเป็นท้องฟ้า ก็จะถูกปรับให้มีความสวยงามลงตัวเลยด้วย
Night Mode
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181111_062851.jpg)
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181111_070741.jpg)
การถ่ายภาพกลางคืน เป็นส่วนที่ท้าทายอย่างมากในกล้องมือถือนะครับ และ HUAWEI ตัวนี้ก็มีระบบ AI ที่สามารถตรวจจับได้ว่าเรากำลังถ่ายภาพในที่แสงน้อย และจะมีโหมดมาช่วยเหลือให้เราสามารถถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้อย่างคมชัด ไม่สั่นไหว แม้จะใช้สปีดชัตเตอร์ที่นานกว่าธรรมชาติของมือเราจะถือได้อย่างนิ่งก็ตาม ดูตัวอย่างภาพที่ออกมาแล้ว ผมประทับใจในคุณภาพของมันมากครับ (สังเกตรูปด้านบนนี้ เก็บมาได้แม้กระทั่งพระจันทร์เสี้ยว อย่างคมชัดแบบสุดๆ)
Super Macro
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181019_163537-1.jpg)
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181112_164116.jpg)
หนึ่งโหมดกล้องที่มือถือตัวอื่นๆ ทำไม่ได้ คือโหมดการถ่ายภาพ Macro ที่หัวเว่ยเรียกว่าเป็น Super Macro ครับ และมันก็ทำได้ง่ายมากๆ ด้วย คือเราไม่ต้องตั้งค่าอะไรเลย แค่เราเอากล้องมือถือไปจ่อใกล้ๆ วัตถุ ในระดับที่ห่างไม่กี่เซนติเมตร ตัวกล้องก็จะปรับเข้สู่โหมดการถ่าย Super Macro ทันที และภาพที่เราเห็นจะทำให้เราตกใจมากๆ ครับ เพราะมันสามารถถ่ายออกมาได้ชัดทุกรายละเอียด แม้กระทั่งรายละเอียดที่เรามองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยากด้วย ดูอย่างภาพนาฬิกาข้อมือด้านบนนี้ เราสามารถเห็นได้จนถึงเม็ดฝุ่นเลยทีเดียว หรืออย่างภาพเหรียญบาท ที่ใครจะคิดล่ะครับว่า กล้องมือถือจะสามารถถ่ายทอดรายละเอียดออกมาได้ขนาดนี้
Portrait
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181031_101935.jpg)
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181103_134126.jpg)
การถ่ายภาพบุคคล หรือ Portrait Mode นี่ HUAWEI โดดเด่นมากๆ อยู่แล้วครับ มาใน Mate 20 Series นี่ยิ่งเด่นชัด การละลายฉากหลังทำได้อย่างแนบเนียน และสามารถปรับระดับความเบลอของฉากหลังให้เหมาะกับความต้องการได้อย่างอิสระ
Ultra-Wide Angle
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181030_210246.jpg)
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181028_200711.jpg)
ที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ คือความสามารถในการถ่ายแบบมุมกว้างพิเศษ หรือ Ultra-Wide Angle ซึ่งทำไม่ได้ในกล้องมือถือปกติทั่วไปครับ เวลาถ่ายภาพ Landscape หรือในพื้นที่จำกัด มันจะได้มุมมองใหม่ๆ ทั้งสวยงาม สว่าง และทำให้เพื่อนๆ ที่ไปด้วยกันเกิดอาการอิจฉาเลยทีเดียว วิธีการถ่ายภาพมุมกว้างของกล้อง HUAWEI Mate 20 ก็ง่ายมากเช่นกัน คือเราสามารถแตะปุ่มซูม และเลื่อนย้อนกลับมาที่ 0.6x ก็จะได้ภาพมุมมองกว้างแบบสุดๆ …. กว้างชนิดที่บางทีเราต้องระวังไม่ให้ถ่ายติดนิ้วตัวเองที่จับมือถืออยู่เลยล่ะครับ
AI Color (Video)
อีกหนึ่งโหมดที่โชว์พลังของ AI ได้เต็มที่มากๆ คือความสามารถในการถ่ายวิดีโอ ในโหมด AI Color ครับ โดยกล้องจะสามารถแยกวัตถุที่เป็นคนได้แบบเรียลไทม์ และแยกให้ส่วนอื่นๆ ทั้งหมดในวิดีโอเป็นสีขาวดำ ที่แม้กระทั่งคนตัดต่อวิดีโอฝีมือดีๆ ยังตัดต่อคลิปแบบนี้ออกมาได้ยากเลย แต่ HUAWEI Mate 20 Pro กลับทำได้แบบเรียลไทม์ ง่ายดาย แค่กดถ่ายคลิปมาตามปกติเท่านั้น อันนี้โหดมากจริงๆ ครับ
Fingerprint Unlock
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC01991.jpg)
HUAWEI Mate 20 Series ทุกรุ่น รองรับการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือครับ แต่อย่างที่บอกไปว่าเฉพาะ Mate 20 Pro เท่านั้น ที่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ในหน้าจอเลย การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือก็แค่วางนิ้วลงบนหน้าจอเท่านั้น แต่ด้วยความที่มันรองรับการปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้าด้วย ถ้าเราเปิดการปลดล็อกด้วยใบหน้าไว้ บางทีก่อนที่จะวางนิ้วลงบนหน้าจอ ตัวเครื่องก็ปลดล็อกแล้วล่ะครับ ส่วนรุ่นอื่นๆ จะมีเซนเซอร์อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง
Face Unlock
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC01998.jpg)
HUAWEI Mate 20 Pro รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า ด้วยการสแกนความลึกของใบหน้าแบบสามมิติ ซึ่งจะช่วยให้การปลดล็อกแม่นยำ และรวดเร็ว นั่นคือเหตุผลว่าทำไม Mate 20 Pro ถึงได้มีขนาดของรอยบากบริเวณขอบด้านบนหน้าจอที่ใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ ในขณะที่ Mate 20 และ Mate 20 X ก็รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้าเช่นกัน แต่จะเป็นระบบสองมิติ หรือการใช้กล้องหน้าเท่านั้น
แบตเตอรี และ ระบบการชาร์จ
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC01982.jpg)
Mate 20 Series ทั้งสามรุ่น รองรับระบบการชาร์จแบบเร็วนะครับ แต่มันชาร์จเร็วได้ไม่เท่ากัน โดยเริ่มจาก Mate 20 รุ่นปกติ มีแบตเตอรีขนาด 4,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge ที่กำลังไฟ 22.5W , ขยับมาที่ Mate 20 X หน้าจอใหญ่บึ้ม เหมาะสำหรับคอเกมโดยเฉพาะ มีขนาดแบตเตอรีใหญ่สะใจถึง 5,000 mAh และชาร์จได้เร็วที่ 22.5W เท่ากัน แต่ทีเด็ดอยู่ที่รุ่น Mate 20 Pro ที่มีขนาดแบตเตอรี 4,200 mAh แต่รองรับระบบ SuperCharge แบบใหม่ สามารถชาร์จได้เร็วมาก ที่กำลังไฟ 40W โดยมันสามารถชาร์จจาก 0-70% ได้ในระยะเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น ผมได้ลองใช้แล้ว พบว่ามันชาร์จได้เร็วสะใจมากๆ ถูกใจมากๆ ครับ
นอกจากนี้ ใน HUAWEI Mate 20 Pro ยังเป็นรุ่นเดียวที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charging ที่ไม่ใช่แค่รองรับธรรมดา แต่รองรับการชาร์จไร้สายแบบเร็วถึง 15W อีกด้วยนะครับ ยังไม่พอแค่นั้น แต่ HUAWEI ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการ ด้วยการเปิดตัวระบบ Wireless Reverse Charging ในมือถือเป็นครั้งแรกในโลก แปลงร่างให้ตัวมันเองเป็นแท่นชาร์จแบบไร้สายให้กับมือถือตัวอื่นๆ ได้ ด้วยวิธีการง่ายๆ แค่นี้
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC02000.jpg)
เปิดการทำงานของ Reverse Charging ในเมนูแบตเตอรี
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC02015.jpg)
และนำมือถือที่รองรับ Wireless Charging รุ่นอื่น มาประกบด้านหลังแบบนี้ได้เลย ล้ำมากครับ และเป็นประโยชน์มากสำหรับคนพกมือถือหลายเครื่องหรือเมื่อเพื่อนๆ ต้องการแบตเตอรีในยามฉุกเฉิน
กันน้ำกันฝุ่น
Mate 20 Pro ได้รับมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นที่ IP68 (กันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที) ส่วนรุ่นอื่นๆ อย่าง Mate 20 และ Mate 20 X จะได้แค่มาตรฐาน IP53 ครับ คือกันได้แค่ละอองน้ำเท่านั้น อย่าเผลอทำตกน้ำเชียวครับ
ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC01795.jpg)
ใน Mate 20 รุ่นปกติ และ Mate 20 X ยังมีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5mm มาให้อยู่ครับ สามารถใช้กับหูฟังเดิมที่เรามีได้เลย แต่ในรุ่นพี่อย่าง Mate 20 Pro จะไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm แล้ว โดยในกล่องจะมีหูฟังแบบ USB-C มาให้ พร้อมอะแดปเตอร์แปลง USB-C เป็น 3.5mm มาให้แทนครับ
ลำโพง
อีกส่วนหนึ่งที่แตกต่างกันพอสมควร ใน Mate 20 Series ทั้งสามรุ่น ก็คือส่วนของลำโพงนะครับ โดย HUAWEI เน้นหนักไปที่รุ่น Mate 20 X หน้าจอใหญ่สำหรับคอเกม ที่จะมีช่องลำโพงใหญ่ทั้งด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง ให้เสียงที่ดังสะใจที่สุดในบรรดา Mate 20 ทั้งสามรุ่น ในขณะที่รุ่นอื่นจะมีขนาดลำโพงบนและล่างที่เล็กกว่า (Mate 20 Pro ฝังลำโพงอยู่ในช่อง USB-C ในขณะที่ Mate 20 รุ่นปกติ จะใช้ลำโพงสนทนาเป็นลำโพง External Speaker ไปเลยด้วย)
ปากกา
เฉพาะใน HUAWEI Mate 20 X รองรับการเขียนหน้าจอด้วยปากกา HUAWEI M Pen ด้วยนะครับ
อุปกรณ์เสริม
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/huawei-mate-20-underwater-case.jpg)
HUAWEI Mate 20 แต่ละรุ่นมีอุปกรณ์เสริมที่ไม่เหมือนกันด้วยนะครับ นอกเหนือจากอุปกรณ์มาตรฐานพวกเคสกันกระแทกแล้ว ใน Mate 20 X ยังมีจอยเกม สำหรับแปลงร่างมือถือ Mate 20 X ให้เป็นเครื่องเล่นเกมชั้นดีได้เลย ส่วนใน Mate 20 Pro ก็จะมีเคสสำหรับดำน้ำมาให้ รองรับความลึกถึง 5 เมตรเลยล่ะครับ ให้เราได้ใช้พลังของสุดยอดกล้องหลัง Leica Triple Camera ไปลุยกันได้ถึงใต้น้ำ
Performance
HUAWEI Mate 20 Series ทุกตัว ใช้ซีพียูตัวเดียวกันนะครับ นั่นคือ Kirin 980 และจีพียู Mali-G76 เหมือนกัน แถมรุ่นที่วางขายในไทย ยังเลือกเป็นรุ่นแรม 6GB มาเท่ากัน ทั้งใน Mate 20, Mate 20 X และ Mate 20 Pro ด้วย ซึ่งถ้าว่ากันทางเทคนิคแล้ว มันมีความเร็วความแรงเทียบเท่ากัน เปิดแอพ ใช้งานกราฟิก หรือ เล่นเกมได้ประสิทธิภาพพอๆ กัน แต่ประสบการณ์ในการใช้งานจริง อาจจะแตกต่างกันไปด้วยขนาดหน้าจอที่ไม่เท่ากัน ประเภทของจอที่แตกต่างกัน ความละเอียดหน้าจอ ขนาดแบตเตอรีที่แตกต่างกัน ซึ่งผมได้สรุปเป็นตารางความแตกต่างอย่างละเอียดเอาไว้ให้ชมแล้วตามนี้ครับ
ตารางสเปก + ราคาอย่างเป็นทางการในไทย
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/huawei-mate-20-spec-comparison.jpg)
- HUAWEI Mate 20 รุ่น แรม 6GB ความจุ 128GB ราคา 24,990 บาท
- HUAWEI Mate 20 Pro รุ่น แรม 6GB ความจุ 128GB ราคา 31,990 บาท
- HUAWEI Mate 20 X รุ่น แรม 6GB ความจุ 128GB ราคา 28,990 บาท
สรุปจุดเด่น
รอบนี้ถือว่า HUAWEI จัดหนักมากในแทบจะทุกด้านของการใช้งานสมารืทโฟนในปัจจุบันเลยนะครับ แต่ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า Mate 20 Series มี 3 จุดเด่น ที่คนอื่นไม่มี และหัวเว่ยก็ทำออกมาได้อย่างดีมากๆ เสียด้วย
- กล้อง Leica Triple Camera :
อันนี้เด่นชัดมากๆ ครับ และได้ปรับปรุงจากรุ่น P20 Pro ให้มันสามารถถ่ายได้ครอบคลุมในหลายสถานการณ์มากขึ้นไปอีก เช่นความสามารถในการถ่ายภาพมุมกว้าง Ultra-Wide Angle , ความสามารถในการถ่ายมาโคร ได้ระยะใกล้เพียง 2.5 เซนติเมตร และ เลนส์ซูม ที่ถ่ายภาพระยะไกลได้คมชัด พร้อมระบบกันสั่น บวกด้วยระบบ Master AI ที่กล้องจะรับรู้ได้ล่วงหน้าว่าเรากำลังจะถ่ายวัตถุอะไร และมันก็จะปรับโหมดให้เหมาะสมกับการถ่ายสิ่งนั้นๆ ได้แบบทันใจ ผมได้ทดลองแล้วมันรับรู้โหมดต่างๆ ได้เพิ่มเติมขึ้นกว่าเดิมมาก และก็ตรวจจับได้แม่นยำมากๆ - เทคโนโลยี AI ที่เอามาใช้งานกับหลากหลายแอพมากขึ้น:
หัวเว่นแนะนำเทคโนโลยี Hivision ที่ใช้กล้องมาช่วยในการตอบข้อสงสัยของเรา เช่น รู้จักสถานที่สำคัญ, สถานที่ท่องเที่ยว, งานศิลปะต่างๆ แค่ส่องกล้องไปยังสิ่งที่เราต้องการจะรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติม มันก็ให้ข้อมูลเรากลับมาได้อย่างรวดเร็ว หรืออย่างการที่เราเอากล้องส่องอาหารประเภทต่างๆ และมันสามารถบอกแคลอรี่ได้เลยทันที ก็เป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ - แบตเตอรี่:
นอกจากแบตเตอรี่ของตัวเครื่องที่ใหญ่มากพอที่เราจะใช้งานทั่วไปได้แบบทั้งวันแล้ว มันยังมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว(มาก)ด้วย เช่นใน Mate 20 Pro นี่ชาร์จจาก 0-70% ได้ในครึ่งชั่วโมง บวกกับเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย ที่สร้างความฮือฮาด้วยการทำ Reverse Charging เป็นแท่นชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์ตัวอื่นๆ ของเราได้ อันนี้ร้ายกาจมากครับ
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/DSC01768.jpg)
HUAWEI Mate 20 Series พร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้ว ลองเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับเรานะครับ ผมว่านี่คือหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจมากๆ ส่งท้ายปี 2018 ซึ่งก็มาในจังหวะพอดีที่หลายคนกำลังตัดสินใจเปลี่ยนมือถือเป็นรุ่นใหม่กันอยู่ ผมได้ลองใช้แล้ว และอยากให้หลายๆ คนได้มีโอกาสทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้กันดู เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อครับ
สรุปเลือกรุ่นไหนดี?
![](https://spin9.me/wp-content/uploads/2018/11/huawei-mate-20-features-comparison.jpg)
HUAWEI Mate 20 Series ทั้ง 3 รุ่น ถึงจะมีพื้นฐานเป็นซีรีส์เดียวกัน และมีความสามารถที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็มีช่วงราคา และมีรุ่นเหมาะกับแต่ละคนที่แตกต่างกันนะครับ ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าได้อ่านรีวิวชิ้นนี้ดูแล้ว และอยากได้ทุกอย่างที่ดีที่สุดใน Mate 20 Series ทั้งเรื่องความสุดยอดของกล้อง, ความสวยงามของหน้าจอ, ความสามารถด้านการชาร์จเร็ว รวมถึงเซนเซอร์ Depth ด้านหน้า ก็คงต้องเลือก Mate 20 Pro ไปเลย ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
ส่วนใน HUAWEI Mate 20 X อันนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า เน้นคนที่ชอบมือถือจอใหญ่ โดยเฉพาะสายเกมเมอร์ ที่จะได้ใช้พลังการประมวลผลในมือถือที่แรงมากๆ ร่วมกับหน้าจอที่ใหญ่มากๆ (มือถือจอใหญ่ถึง 7.2 นิ้ว นี่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ เลย) โดยที่ยังได้ความเทพของกล้อง Leica Triple Camera ในระดับเดียวกับ Mate 20 Pro อยู๋ ผมคิดว่ารุ่นนี้โดดเด่นมากครับ เป็นตัวเลือกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่ไม่กั๊กสเปก ในราคา 28,990 บาท
และสำหรับรุ่นเริ่มต้นอย่าง Mate 20 ที่ดูผิวเผินเหมือนจะไม่ได้มีฟีเจอร์แพรวพราวเหมือนรุ่นพี่ แต่ถ้าดูสเปกจริงๆ แล้ว มันคือโปรเซสเซอร์ความแรงระดับเดียวกัน แรมเท่ากัน รอมเท่ากัน ได้กล้องหน้าตัวเดียวกัน มี Dual-SIM เหมือนกันทุกอย่าง ส่วนกล้องหลังก็เป็น Leica Triple Camera เหมือนกัน (ที่มีความละเอียดน้อยกว่ารุ่นพี่) ได้ฟีเจอร์ด้าน AI จัดเต็มมาเหมือนกัน ในราคา 24,990 บาท ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ในมือถือกลุ่มราคา 2 หมื่นกลางๆ ในตลาดตอนนี้เลยนะครับ
อ่านจบแล้ว น่าจะพอเลือกได้นะครับ ว่าจะสอย Mate 20 รุ่นไหนดี ซึ่งตอนนี้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยครับ
บทความโดย:
อู๋ spin9