เปิดรายงาน Ericsson Mobility ฉบับเดือน มิ.ย. 2025 เผยตัวเลขการใช้เครือข่าย 5G ประจำปี 2024 กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
สิ้นปี 2024 เครือข่าย 5G รองรับการใช้ดาต้าเน็ตมือถือทั่วโลกแล้ว 35% ซึ่งในเอเชีย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีปริมาณการใช้ดาต้ามือถือราวๆ 19GB ต่อเดือน พอๆ กับค่าเฉลี่ยโลก ภูมิภาคที่สูงสุดคือแถบอินเดีย อยู่ที่ 32GB ต่อเดือน Ericsson คาดการณ์ในรายงานว่าสิ้นปี 2030 ผู้ใช้บริการ 5G ทั่วโลก จะพุ่งแตะ 6.3 พันล้านรายและคาดว่าสิ้นปี 2025 บัญชีผู้ใช้ 5G ทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 2.9 พันล้านราย หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมด

อีกประเด็นน่าสนใจที่รายงานฉบับนี้คือ ดาต้าทราฟิกที่เกิดจากการใช้งาน Gen AI
ตลาดแอปพลิเคชัน AI มีการดาวน์โหลดแอปกว่า 115 ล้านครั้งในเดือนธันวาคม 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 81% เมื่อเทียบปีต่อปี มีแอปพลิเคชัน AI บนมือถือมากกว่า 29,000 แอปใน App Store และ Google Play โดย 14,000 แอปเปิดตัวในปี 2024
ผู้ใช้แอป GenAI ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ และแม้ว่ามีการเข้าถึง AI บนมือถือมาก มือถือรุ่นใหม่ๆ มักใช้ AI มาเป็นจุดขาย แต่ทราฟิกที่เกิดจาก GenAI คิดเป็นเพียง 0.06% ของทราฟิกข้อมูลเครือข่ายทั้งหมด ในตลาดที่เติบโตเต็มที่ (ตัวเลขไม่รวมการใช้งานแอปมือถือทั่วไปที่มีหีเจอร์ AI ฝังอยู่)
ChatGPT เป็นแอปพลิเคชัน AI บนมือถือที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในปี 2024 ติดตั้ง 250 ล้านครั้งและมีผู้ใช้งานรายเดือน 546 ล้านคนในเดือนเมษายน 2025
ข้อสังเกตของการใช้งาน GenAI บนมือถือคือ มีปริมาณ uplink หรือการส่งข้อมูลขึ้นไปเพิ่มขึ้นจากวิถีปกติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การกระจายทราฟิกในเครือข่ายมือถือจะมีการแบ่งที่ชัดเจน 90% เป็น downlink และ 10% เป็น uplink การใช้ GenAI ทำให้มีปริมาณ uplink เพิ่มขึ้นเป็น 26% และ downlink 74%
ChatGPT คิดเป็น 60% ของทราฟิก AI ทั้งหมด และ 70% ของทราฟิก AI ทั้งหมดใน uplink โดยมีการกระจายทราฟิกอยู่ที่ downlink 71% และ uplink 29%
Canva มีส่วนแบ่งทราฟิกใหญ่ที่สุดรองจาก ChatGPT โดยคิดเป็น 25% ของทราฟิก AI ทั้งหมด ตามมาด้วย Gemini AI ที่ 7% และ Galaxy AI ที่ 2%
ในอนาคตสมาร์ทโฟน GenAI จะมีความสามารถมากขึ้น อุปกรณ์ XR ใหม่ และรูปแบบสื่อใหม่ที่ใช้แบนด์วิดธ์สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเครือข่ายมือถือ 5G ในอนาคต เป็นโจทย์ที่โอเปอเรเตอร์ทั่วโลกต้องไปคิดพัฒนาการวางเครือข่ายเพื่อรองรับปรากฏการณ์นี้
มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “เราอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ความก้าวหน้าของเครือข่าย 5G Standalone (SA) ประกอบกับพัฒนาการในอุปกรณ์ที่รองรับ 5G ได้นำไปสู่ระบบนิเวศที่พร้อมสำหรับการปลดล็อกโอกาสเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ สิ่งสำคัญที่จะต้องทำคือการนำเครือข่าย 5G SA มาใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างฐานย่านความถี่ Mid-Band เพิ่มเติม”
https://www.ericsson.com/en/reports-and-papers/mobility-report