จริงๆ แล้ว LG G6 ไม่ได้ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่แล้วล่ะครับ แต่ที่ต้องหยิบมารีวิวกันตอนนี้ ก็เพราะว่า LG G6 นี่มาพร้อมกับการกลับเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในประเทศไทยอีกครั้ง ของทาง LG หลังจากที่ห่างหายจากตลาดปรนะเทศไทยไปนาน และจะไม่ได้กลับมาแค่รุ่นนี้ด้วย เพราะ LG ประเทศไทยได้ประกาศชัด ว่าจะนำมือถือรุ่นใหม่ๆ ของ LG เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องนับจากวันนี้ไป
Disclosure: บทความนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก LG โดยความเห็นทั้งหมดเป็นของผู้เขียน จากประสบการณ์ที่ได้รับจริงในการใช้งาน
LG G6 แท้จริงแล้ว ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปในงาน Mobile World Congress 2017 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 ที่ผ่านมา ชูจุดเด่นเป็นสมาร์ทโฟนจอสวย ใช้พื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่องอย่างเต็มที่ (ทาง LG มีชื่อเรียกหน้าจอนี้ว่า FullVision) รองรับการแสดงผลภาพแบบ HDR มีความสามารถที่คู่ควรกับมือถือในยุคใหม่อย่างครบถ้วน กันน้ำ กันฝุ่น และมาพร้อมกับกล้องคู่ Dual Camera ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ชนิดที่ไม่มีมือถือรุ่นมาทดแทนได้
Design
รูปลักษณ์ของโทรศัพท์ LG G6 ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย ด้านหน้าโดดเด่นด้วยการใช้พื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นส่วนของหน้าจอ ซึ่งถ้าวัดเฉพาะขนาดของหน้าจอแล้ว มีขนาดใหญ่ถึง 5.7 นิ้ว แต่ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้อย่างถนัดด้วยมือเดียว คุณภาพจอแบบ IPS สวยงาม ด้วยความละเอียด 1440×2880 พิกเซล สีสันสดใส และรองรับการแสดงผลแบบ HDR เมื่อเปิดคอนเทนต์ที่รองรับ
ด้านหลังของ LG G6 เป็นตำแหน่งของปุ่มพาวเวอร์ และเซ็นเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมือถือในซีรีส์นี้มาอย่างยาวนาน วางคู่กับกล้อง Dual Camera ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีหน้าเลนส์เรียบเนียนไปกับบอดี้ของตัวเครื่องได้อย่างสวยงาม
LG G6 ใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C รองรับการชาร์จเร็ว ด้วยอะแดปเตอร์ที่มีมาให้ในกล่อง หรือด้วยอะแดปเตอร์ที่รองรับมาตรฐาน Quick Charge 3.0
ขอบด้านขวาของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นตำแหน่งของถาดใส่ซิมแบบไฮบริดสล็อต รองรับการทำงานแบบ 2 ซิม หรือ จะใส่ 1 ซิมคู่กับ microSD Card ก็ได้ ตามมาตรฐานของมือถือแอนดรอยด์หลายรุ่นในตลาดปัจจุบัน
Display
จุดเด่นของ LG G6 ก็คือหน้าจอ FullVision 5.7 นิ้วตัวนี้แหละครับ ด้วยสัดส่วนหน้าจอแบบ 2:1 แสดงผลได้แบบเต็มตา ใช้พื้นที่เกือบทั้งหมดของตัวเครื่องเป็นหน้าจอ แต่ยังเหลือขอบเอาไว้เล็กน้อยให้จับถือได้สะดวกและไม่พลาดไปแตะโดนส่วนของขอบจอ
ข้อดีของสัดส่วนหน้าจอแบบ 2:1 นี้ ก็คือการเปิดดูหนังหรือซีรีส์ ที่ปัจจุบัน มีหนังและซีรีส์หลายเรื่องถ่ายทำมาด้วยสัดส่วน 2:1 (Univisium) เช่นเรื่อง House of Cards หรือ Stranger Things ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอของ LG G6 ได้อย่างเต็มที่ รับชมแบบเต็มจอชนิดที่ไม่มีขอบดำให้เห็นเลย บวกกับการรองรับคอนเทนต์แบบ HDR ที่ตอนนี้แม้กระทั่งคลิปใน YouTube ก็สามารถแสดงผลได้แล้วด้วย อันนี้ดีงามมากครับ
Dual Camera กล้องคู่ที่ถ่ายได้กว้างที่สุด
LG G6 นี่มาพร้อมกับกล้องหลังแบบคู่ด้วยครับ แต่ความแตกต่างของกล้องคู่ใน LG G6 ที่แตกต่างจากกล้องคู่ของยี่ห้ออื่นๆ ก็คือ ทาง LG เน้นเอาประโยชน์ของการใช้งานกล้องคู่มาใช้ในการถ่ายภาพแบบมุมกว้างสุดๆ ชนิดที่มีโอกาสถ่ายติดนิ้วตัวเองเข้าไปในเฟรมเลยล่ะครับ
ในแอพกล้อง จะมีปุ่มให้แตะเลือกการใช้เลนส์มุมมองปกติ กับใช้เลนส์ในมุมมองกว้างพิเศษครับ ซึ่งในโหมดกว้างพิเศษนี่แหละ ที่จะทำให้หลายคนตกใจว่ามันสามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้แบบเหลือเชื่อเลย (เก็บได้มุมกว้าง 125 องศา) ปัญหาเดิมๆ ของการเก็บภาพไม่เต็มเฟรมในที่แคบๆ นั้น ไม่มีปัญหากับ LG G6 ตัวนี้แน่นอน
กล้องหน้า แม้ว่าจะมีกล้องเพียงตัวเดียว แต่ก็มีโหมดการเก็บภาพมุมกว้างกว่าปกติมาเช่นกัน (กว้าง 100 องศา) ใช้ในกรณีที่เราจะถ่ายเซลฟี่กันหลายๆ คน แค่แตะเลือกโหมดมุมกว้างนี้ ก้สามารถถ่ายได้ครบถ้วนแบบสบายๆ หรือถ้าจะถ่ายมุมปกติ ก็เลือกปรับได้เช่นเดียวกัน
Square Camera
อีกหนึ่งจุดเด่นของ LG G6 ตัวนี้ ก็คือโหมดกล้องสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือ Square Camera ครับ ที่เหมาะสำหรับการแชร์รูปผ่านโซเชียล เช่นการแชร์รูปใน Instagram ซึ่งใน LG G6 จะทำการแบ่งหน้าจอขนาดใหญ่ของตัวเองออกเป็นสองส่วน เพื่อใช้งาน Square Camera นี้ครับ โดยมีโหมดย่อยที่น่าสนใจหลายโหมด เช่น โหมด Match Shot เปิดกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน และแสดงผลในหน้าจอเดียว สามารถกดถ่ายทีละกล้องก็ได้ หรือจะกดชัตเตอร์คร้ังเดียว ถ่ายทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันก็ได้ หรืออย่างโหมด Snap Shot ก็จะแบ่งครึ่งนึงเป็นกล้อง ส่วนอีกครึ่งนึงเป็นการแสดงรูปที่เพิ่งถ่ายมาล่าสุด เพื่อที่เราจะได้ถ่ายรูปต่อไปได้ทันที โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปดูรูปและค่อยสลับกลับมาเป็นกล้องเหมือนอย่างที่เราต้องทำในมือถือรุ่นอื่นๆ นั่นเอง
อีกโหมดย่อยที่ผมชอบมาก คือการถ่ายแบบ Guide Shot เอารูปที่มีอยู่แล้ว มาเทียบกับรูปที่กำลังจะถ่าย โดยมันจะแสดงรูปต้นแบบเอาไว้ เพื่อที่เราจะได้ถ่ายรูปใหม่ให้ได้เฟรมเท่ากับรูปเดิมครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย
ประสบการณ์จากการใช้งานจริง
ผมมีโอกาสได้ใช้ LG G6 อยู่นานพอสมควรครับ ส่วนที่ผมชื่นชอบกับมือถือรุ่นนี้ มีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน อย่างแรกเลยก็คือกล้อง ที่ถ่ายภาพมุมกว้างมากๆ ได้ และทำให้เราอยากหยิบมันขึ้นมาถ่ายอยู่เรื่อยๆ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่กล้องปกติไม่สามารถเก็บภาพได้ อย่างที่เห็นในตัวอย่างด้านบน ถัดมาคือ จอภาพแบบอัตราส่วน 2:1 ที่ตอนแรกๆ จะไม่ชินสักเท่าไหร่ แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ จะค้นพบว่า มันดูวิดีโอได้สัดส่วนพอดี หรือถ้าอ่านคอนเทนต์ในเว็บ อ่านฟีดในโซเชียล ก็จะอ่านได้ยาวขึ้นในหน้าจอเดียว เลื่อนหน้าจอน้อยลง ครบถ้วนมากขึ้นครับ และอย่างสุดท้ายที่ผมชอบมาตั้งแต่ LG G2 แล้ว นั่นคือปุ่มโฮมที่อยู่ด้านหลัง สะดวกในการใช้งานมือเดียว
อีกส่วนนึงที่น่าประทับใจเช่นกัน ก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ ที่มีขนาดใหญ่ 3,300 mAh เพียงพอในการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบทั่วๆ ไปได้แบบสบายๆ และรองรับระบบการชาร์จเร็วด้วย น่าจะคลายกังวลสำหรับ power user ได้ไม่น้อยครับ
สรุป
เป็นการเปิดฉากการกลับมาทำตลาดอีกครั้งของ LG ในประเทศไทย ด้วยสมาร์ทโฟน LG G6 ที่ลงตัวเรื่องของขนาด ฟีเจอร์ กล้อง หน้าจอ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ครบในเครื่องเดียว ปัจจุบันเปิดราคาขายแรงสักหน่อย ที่ 24,900 บาท แต่พ่วง แถมทีวี LED ขนาด 43″ รุ่น 43LJ500T มูลค่า 13,900 บาทมาพร้อมกัน (ไม่ขายแยก) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งก์นี้
