ถึงตอนนี้ปฏิเสธได้ยากแล้วว่า YouTube คือแพลตฟอร์มวิดีโออันดับต้นๆ ของโลก และอาจขึ้นเป็นอันดับหนึ่งใน SEA ซึ่งนอกจากเป็นแหล่งความบันเทิงและความรู้แล้ว คนดูยังใช้ YouTube ในการค้นหาสินค้า ดูรีวิวสินค้า และมีความเชื่อใจในครีเอเตอร์ที่พวกเขาติดตามค่อนข้างสูง
YouTube จัดงานแถลงข่าวออนไลน์ “YouTube and the Rise of Creator-led Commerce in Southeast Asia” เผยตัวเลขครีเอเตอร์หรือยูทูเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในอินโดนีเซีย ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยมีครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน จำนวน 7,600 ราย และมีช่องที่มีผู้ติดตามถึง 100,000 คน กว่า 77,000 ช่อง สะท้อนความนิยมการดูวิดีโอของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในภูมิภาคนี้
ในไทยมีช่องเกิน 1 ล้านซับอยู่ที่ 1,300 ช่อง และมีซับเกิน 1 แสนอยู่ที่ 13,000 ช่อง
การเติบโตของครีเอเตอร์ยังช่วยกระตุ้นตลาดค้าขาย โดยตลาดวิดีโอคอมเมิร์ซมีสัดส่วนมูลค่าสินค้ารวม (Gross Merchandise Value หรือ GMV) คิดเป็น 20% ของภาคอีคอมเมิร์ซทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่างๆ ก็ใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง (ในงานแถลงข่าว มีการยกตัวอย่างช่อง 컬렌 Cullen HateBerry และ Farose เป็นเคสที่ประสบความสำเร็จของแบรนด์ ในการใช้เป็นช่องทางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย)
ต้นปีที่ผ่านมา YouTube เปิดตัว YouTube Shopping ในไทย ที่ครีเอเตอร์ทำรายได้เสริมผ่านการติดแท็กตะกร้าสินค้าบน YouTube ได้ โดยรวมแล้วใน SEA มี YouTube Shopping ในไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งที่ผ่านมามีการติดแท็กผลิตภัณฑ์ในวิดีโอหลายล้านรายการแล้ว และมีครีเอเตอร์เกินครึ่ง (ที่เข้าเกณฑ์) สมัครรับโปรแกรมติดตะกร้าของ YouTube Shopping
ข้อมูลของ YouTube พบว่าครีเอเตอร์ในอินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ มีรายได้เพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ในเดือนธันวาคม 2024 มีช่อง YouTube ในเวียดนามที่สร้างรายได้ 9 หลักหรือมากกว่า (ในสกุลเงินเวียดนาม) เพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับปี 2023 (ส่วนไทยตัวเลขอยู่ที่ 6%)
ตัวอย่างเช่น Mai Trinh Hồ ครีเอเตอร์สายความงามจากเวียดนามมีรายได้จากช่องเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า และ Jagat Review ครีเอเตอร์สายรีวิวจากอินโดนีเซีย บอกว่า 50% ของรายได้ทั้งหมดในช่องมาจากการเข้าร่วมโปรแกรม Affiliate YouTube Shopping (ก.ค. – ต.ค. 2024)
