ในคีย์โน้ต Google I/O 2024 ถือเป็นครั้งแรกๆ ของ Google ที่ไม่ได้เน้นระบบปฏิบัติการ Android มากเท่าไร เพราะปีที่ผ่านๆ มา Google ให้ความสำคัญกับ Android เวอร์ชั่นใหม่ๆ บนเวทีคีย์โน้ตมาตลอด โดยปีนี้ไปเน้นที่ AI และ Gemini แทน
อย่างไรก็ตาม Google เขียนในบล็อกของบริษัทพูดถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เราจะได้ใช้กันใน Android 15 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นถัดไป
ฟีเจอร์ใหม่ใน Android 15
1. Private Space พื้นที่เก็บแอปลับ ไฟล์ลับไว้แยกกับแอปอื่นๆ ของเครื่อง เข้าใช้งานได้ผ่านการสแกนนิ้วเท่านั้น ป้องกันคนอื่นหรือขโมยเข้าถึงไฟล์ที่เป็นความลับ เช่น Wallet, Health, แอปธนาคาร โดย Private Space จะเป็น launcher แยกมาด้วย
2.Theft Detection Lock ตรวจจับ motion การเคลื่อนไหวแรงที่อนุมานได้ว่าเป็นการกระชาก ขโมย เมื่อโทรศัพท์จับความเคลื่อนไหวประเภทนี้ได้ จะทำการล็อกโทรศัพท์ทันที
3. Google Play Protect เตรียมใช้ AI ที่รันบนเครื่องตรวจจับแอปอันตราย ตรวจจับความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลในเครื่องของแอปเหล่านั้น และตรวจจับการส่งสัญญาณระหว่างแอปนั้นไปยังแอปอื่นที่ช่วยติดตามความเคลื่อนไหลและพฤติกรรมของเรา ถ้า Google ตรวจพบสิ่วเหล่านี้จะส่งคำแจ้งเตือนมาให้เราลบแอป ซึ่งก่อนหน้านี้ในไทย Google Play Protect ได้เปิดใช้งานความสามารถคล้ายๆ กันนี้มาก่อนแล้วด้วย
4.เพิ่มบัตรเข้าไปยัง Google Wallet ได้ผ่านการถ่ายรูป เป็นบัตรดิจิทัลลงในแอปได้ ไม่ต้องสแกนหรือพิมพ์กดเพิ่มบัตรให้ยุ่งยาก เริ่มใช้งานในสหรัฐฯก่อน
5.เพิ่มลูกเล่น AR ตามสถานที่ท่องเที่ยวใน Google Maps เริ่มที่สิงคโปร์และปารีส
6. ใช้ Google Cast ในรถได้ แคสต์รูปและวิดีโอขึ้นจอใหญ่ในรถ เริ่มที่รถแบรนด์ Rivian เพิ่มแอปสตรีมมิ่ง Max และ Peacock หรือเล่นเกม Angry Birds ได้ในรถ โดยจะทยอยเปิดตัวในรถหลายรุ่น
7. ใช้ Gemini แนะนำคอนเทนต์บน Google TV ลดเวลาการเลื่อนหารายการที่อยากดู
8. เพิ่มประสิทธิภาพอายุการใช้งานแบตเตอรี่ใน Wear OS 5 เช่น วิ่งมาราธอนกลางแจ้งจะใช้พลังงานน้อยลง 20% เมื่อเทียบกับนาฬิกาที่ใช้ Wear OS 4
9. เพิ่มการ track อุปกรณ์ bluetooth ใน Find My Device ให้ครอบคลุม Chipolo, Pebblebee eufy, Jio, Motorola
Android 15 beta เวอร์ชั่น 2
ในงานมีประกาศเกี่ยวกับ Android 15 beta เวอร์ชั่น 2 ด้วย มีตัวอย่างหลายฟีเจอร์น่าสนใจ ซึ่งแน่นอนว่าเวอร์ชั่นเบต้าจะยังจำกัดเฉพาะกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ใช้งานกลุ่ม early adopter ซึ่งจะต้องผ่านขั้นตอนการปรับแก้ไขก่อนจะเปิดใช้งานตัวเต็มภายในปีนี้
- Low Light Boost โหมดปรับแสงอัตโนมัติ ซึ่งต่างจากการเพิ่มคุณภาพในรูป Night Mode เนื่องจากโหมดกลางคืนจะรวมภาพถ่ายต่อเนื่องเพื่อสร้างเป็นภาพเดียว แต่ไม่สามารถสร้างเฟรมต่อเนื่องได้ แต่ Low Light Boost สามารถทำได้
- นำ dav1d ซอฟต์แวร์ถอดรหัสวิดีโอมาใช้กับมือถือที่ไม่รองรับการใช้ dav1d เพิ่มประสิทธิภาพเบื้องหลังการดูวิดีโอบนมือถือรุ่นกลาง
- รองรับมาตรฐาน CTA-2075 มาตรฐานความดังของเสียง ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องปรับระดับเสียงบ่อยเมื่อสลับเนื้อหา
- รองรับการแชร์หน้าจอบางส่วน สามารถแชร์หรือบันทึกเฉพาะหน้าต่างแอป แทนที่จะบันทึกทั้งหน้าจออุปกรณ์
- แสดงตัวอย่าง widget ก่อนตั้งค่าใช้งานจริง
- เพิ่มความหลากหลายของฟอนต์สำหรับภาษาจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี
- VibrationEffect รองรับระดับการสั่นเตือนของมือถือที่ไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง
- ฯลฯ
ที่มา : https://android-developers.googleblog.com/2024/05/the-second-beta-of-android-15.html
