Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษา ออกมาคาดการณ์ตลาดตลาด EV ในยุคถัดไปว่า ภายในปี 2027 รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่หรือ BEV รุ่นใหม่ๆ จะมีราคาเฉลี่ยในการผลิตถูกกว่ารถยนต์เครื่องสันดาป หรือ ICE
โดยในปีนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ จะยังต้องรับมือบทบาทที่เพิ่มขึ้นของทั้งซอฟต์แวร์และการใช้พลังงานไฟฟ้า ผู้ผลิตหรือโรงงาน OEM จะนำนวัตกรรมที่ช่วยให้ควบคุมต้นทุนการผลิตได้ เช่น สถาปัตยกรรมยานพาหนะแบบรวมศูนย์ (Centralized Vehicle Architecture) หรือ การนำ Gigacasting มาใช้ ลดต้นทุนการผลิตและลดเวลาในการประกอบ
เปโดร ปาเชโก รองประธานฝ่ายวิจัย Gartner เน้นย้ำว่า “รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEVs) รุ่นใหม่ ๆ จะมีต้นทุนการผลิตโดยเฉลี่ยถูกกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปภายใน (ICE) ในเซกเมนต์เดียวกัน ในขณะที่ผู้ผลิต OEM จะค้อยๆ เปลี่ยนการผลิตควบคู่ไปกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่งผลให้ในปีถัดๆ ไป เราจะเห็นต้นทุนการผลิตรถ BEV ลดลงเร็วกว่าต้นทุนแบตเตอรี่อย่างมาก ซึ่งเกิดเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในตอนแรก แต่ค่าใช้จ่ายการซ่อมแซม BEV บางส่วนจะยังคงมีราคาสูง”
ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการผลิตรูปแบบใหม่ๆ ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของการซ่อมแซมตัวถังรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่จากอุบัติเหตุรุนแรงจะเพิ่มขึ้น 30% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุและเสียหาย มีแนวโน้มที่จะ Write-Off มากกว่าซ่อมแซม เนื่องจากค่าซ่อมแซมอาจมีราคาสูงกว่ามูลค่าคงเหลือของรถ ในทำนองเดียวกัน การซ่อมแซมการชนที่มีราคาสูง อาจทำให้ค่าเบี้ยประกันแพงขึ้น หรือแม้แต่การปฏิเสธที่จะให้ความคุ้มครองรถยนต์รุ่นใดรุ่นหนึ่งโดยเฉพาะ
ใรปี 2024 นี้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะยังเติบโตต่อเนื่อง จะมียอดจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 18.4 ล้านคัน และเพิ่มเป็น 20.6 ล้านคันในปี 2025 อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้กำลังพัฒนาจาก ‘ยุคตื่นทอง’ ไปสู่ ‘ยุคผู้เหมาะสมที่สุดเท่านั้นจึงอยู่รอด’