แชร์ประสบการณ์ ขับ BMW i3 ActiveAssist รถที่ไม่มีทางชน!

เมื่อระหว่างวันที่ 6-9 มกราคม 2015 ที่ผ่านมา ในงาน International Consumer Electronics Show หรือ CES 2015 ที่ Las Vegas สหรัฐอเมริกา ผมมีโอกาสได้ทดลองขับรถยนต์ BMW i3 รุ่นพิเศษ ที่ทาง BMW Group ได้นำมาโชว์เทคโนโลยี ActiveAssist ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ BMW ซึ่งสามารถการันตีได้ว่า รถคันนี้จะไม่มีทางไปชนสิ่งกีดขวางหรือรถยนต์คันอื่นได้เลย ไม่ว่าจะขับเดินหน้า ถอยหลัง หรือแม้กระทั่งการเลี้ยวไปเบียดก็ตาม! วันนี้เลยจะมาเล่าให้ฟังครับว่ามันเป็นยังไง

BMW เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้ในรถยนต์อย่างต่อเนื่อง และล่าสุด BMW ได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า BMW ActiveAssist ครับ ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อรถยนต์ในอนาคตที่มันจะสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองแบบไร้คนขับ โดยได้เริ่มสาธิตบางส่วนของเทคโนโลยี ActiveAssist นี้ในรถยนต์โฉมปัจจุบันก่อน ให้ได้ตื่นตาตื่นใจกันว่า ActiveAssist นี้ จะมาช่วยให้การขับรถในชีวิตประจำวันมีความสะดวกสบายมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้นได้อย่างไรบ้าง

360-degree-collision-avoidance-04

พระเอกของวันนี้ คือรถยนต์ BMW i3 รุ่นพิเศษ ที่ติดตั้งเทคโนโลยี ActiveAssist เอาไว้  ซึ่งจริงๆ เทคโนโลยีนี้ยังไม่ปล่อยสู่ตลาดครับ ยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาและทดสอบ แต่มันก็เก่งมากพอที่จะสาธิตให้ได้ชมกันได้แล้ว ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ Benjamin Gutjahr วิศวกรผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจค BMW ActiveAssist ซึ่ง Benjamin ได้ให้ข้อมูลว่า ActiveAssist ที่เราจะได้เห็นใน BMW i3 คันนี้ จะเป็นฟีเจอร์ที่เรียกว่า 360-degree collision avoidance ที่สามารถป้องกันไม่ให้รถยนต์คันนี้ขับไปชนอะไรรอบตัวมันได้เลย

Benjamin_Gutjahr

BMW_ActiveAssist_1

BMW_ActiveAssist_2

สนามที่ BMW จัดเตรียมไว้ เป็นลานจอดรถที่มีแท่งแบริเออร์วางตั้งอยู่ ผมได้ทำการเร่งเครื่องยนต์ BMW i3 เข้าหาแท่งแบริเออร์นี้ชนิดไม่กดเบรก (ซึ่งก็ฝืนกับความรู้สึกอยู่ค่อนข้างมาก เพราะเราคงไม่เคยที่จะตั้งใจขับชนอะไรมาก่อน) แต่รถ BMW i3 ก็สามารถตรวจจับได้ และเบรกให้เราได้เองแบบหยุดสนิท ก่อนที่จะชนแท่งแบริเออร์นี้ และทิ้งระยะห่างหลังหยุดสนิทแล้วประมาณ 10 เซนติเมตร พร้อมกับเสียงเซนเซอร์ที่ดังปี๊ดยาวในห้องโดยสาร เพื่อบ่งบอกว่า ระบบนี้ได้ช่วยทำงานให้เราอย่างเต็มประสิทธิภาพ

BMW_ActiveAssist_3

จากนั้น ผมได้ทำการถอยรถ BMW i3 คันนี้ เพื่อไปชนแท่งแบริเออร์อีก 1 อันที่วางขวางอยู่ด้านหลัง ซึ่งก็แน่นอนว่า BMW i3 คันนี้สามารถเบรกให้เราได้ก่อนที่จะชนเช่นกัน โดยมีเซนเซอร์บอกระยะขึ้นหน้าจอเป็นสีแดงอย่างชัดเจน และถึงจะกระแทกคันเร่งต่อไปอีกแค่ไหน รถก็จะไม่ยอมเคลื่อนที่ไปชนเป็นอันขาดครับ

BMW_ActiveAssist_4

การทดสอบสุดท้าย คือการเลี้ยวไปเบียดเสา หรือเบียดแท่งแบริเออร์ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เราเจอกันได้บ่อยๆ ในอาคารจอดรถสำหรับมือใหม่หัดขับ ผมได้ขับอย่างฝืนธรรมชาติอีกครั้ง ด้วยการเลี้ยวมุมแคบเบียดเข้าไปในแท่งแบริเออร์ แต่รถก็สามารถหยุดสนิทให้เราก่อนที่ด้านข้างจะเบียดโดนแท่งแบริเออร์เพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น ถือได้ว่า รถคันนี้สามารถป้องกันไม่ให้ตัวมันเองไปชนสิ่งอื่นๆ ได้รอบทิศทาง 360 องศาอย่างสมบูรณ์

BMW_ActiveAssist_5

ข้อจำกัดของเทคโนโลยี 360-degree collision avoidance ตอนนี้ คือรถยนต์จำเป็นต้องติดตั้งเซนเซอร์พิเศษเพิ่มเติม ที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ในการตรวจจับระยะด้วยความแม่นยำสูง และไม่ใช่เซนเซอร์ที่ใช้ในรถยนต์ทั่วไปในตลาด จึงอาจจะยังเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาสูง รวมถึงยังมีการจำกัดความเร็วสูงสุดที่เซนเซอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเอาไว้ ไม่เกิน 12 ไมล์ต่อชั่วโมง (หรือราวๆ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เท่านั้น จึงจะการันตีได้ว่ารถยนต์จะสามารถเบรกได้หยุดสนิทก่อนที่จะชนสิ่งกีดขวางในสถานการณ์ดังกล่าว

bmw-fully-automated-parking-i3

อย่างไรก็ตาม BMW ActiveAssist ในอนาคตจะสามารถใช้งานร่วมกับรถยนต์ไร้คนขับ ที่สามารถรักษาระยะให้รถอยู่ในเลนได้ด้วยตัวเอง, เปลี่ยนเลนไปยังเลนที่ต้องการได้เอง, ปรับเปลี่ยนความเร็วที่ใช้ เพื่อรักษาระยะห่างกับรถคันข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม และ เบรกได้จนหยุดสนิทเมื่อจำเป็น โดยอาศัยเซนเซอร์ต่างๆ ที่ต้องติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไป และซอฟต์แวร์ประสิทธิภาพสูง ที่ BMW ต้องพัฒนาออกมาป้อนให้กับรถยนต์ไร้คนขับต่อไป

ส่วนเทคโนโลยีป้องกันการชน 360-degree collision avoidance ตัวนี้ หากมีการพัฒนาให้ใช้งานได้กับความเร็วที่สูงขึ้น และถูกนำมาผลิตให้กลายเป็นมาตรฐานของรถยนต์ส่วนใหญ่บนท้องถนน ก็คาดกันว่าจะสามารถลดอุบัติเหตุได้มากกว่า 70% ของตัวเลขอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเลยทีเดียวครับ ก็ต้องลุ้นกันว่า เราจะได้เห็นเทคโนโลยีแบบนี้ มาเป็นออปชั่นมาตรฐานของรถยนต์ทั่วไป ไม่ต่างจากเซนเซอร์ถอยหลัง หรือ กระจกไฟฟ้าต่างๆ กันเมื่อไหร่ แต่สำหรับผมแล้ว นี่เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีของรถยนต์ที่อุตสาหกรรมต้องการมากที่สุดตัวหนึ่งเลย เพราะจะช่วยให้การขับขี่รถยนต์มีความปลอดภัยขึ้นอย่างชัดเจน และสามารถนำมาใช้งานได้จริงโดยไม่ต้องผ่านการเรียนรู้ใหม่จากผู้ขับรถในปัจจุบันด้วยครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save