เราเริ่มเห็นนาฬิกา Smartwatch ออกมาหลายรุ่นเกลื่อนตลาดไปหมดแล้ว มีทั้งแบบที่ใช้ได้กับสมาร์ทโฟนบางยี่ห้อเท่านั้น แบบที่ใช้ได้กับทุกค่าย หรือ แบบที่ใช้ได้กับแอนดรอยด์อย่างเดียว แต่ท้ายที่สุด นาฬิกาข้อมือที่ดีไซน์สวยโดนใจผม ก็ต้องเป็นนาฬิกาข้อมือหน้าปัดกลมเท่านั้น และมันก็มีเพียงไม่กี่รุ่นที่ทำออกมาสู่ตลาด ณ เวลานี้
moto 360 เป็นนาฬิกาสมาร์ทวอชหน้าปัดกลม รุ่นแรกๆ ที่เปิดตัวมาก่อนใคร ถึงจะวางขายมาได้หลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นอมตะจนถึงทุกวันนี้ เพราะการดีไซน์หน้าปัดดิจิทัลแบบวงกลม ทำให้หน้าตาของมันดูไม่กระโดดจากนาฬิกาข้อมือสุดคลาสสิคที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากัน บวกกับความอิสระในการปรับเปลี่ยนหน้าตา ปรับเปลี่ยนสายนาฬิกาด้วยสเปคมาตรฐาน ทำให้มันกลายเป็นนาฬิกาสมาร์ทวอช ที่กลมกลืนไปกับนาฬิกาข้อมือทั่วไปมากที่สุดรุ่นหนึ่งของตลาด
เมื่อเดือนมีนาคม 2014 ที่ผ่านมา ทาง Google ประกาศเปิดตัวแพลทฟอร์มนาฬิกาอัจฉริยะในชื่อ “Android Wear” ให้แบรนด์ชั้นนำผลิตนาฬิกาแอนดรอยด์เข้าสู่ตลาด ปัจจุบันมี ASUS, LG, Motorola, Samsung และ Sony ผลิตนาฬิกาข้อมือ Android Wear แต่มีเพียง moto 360 และ LG G Watch R เท่านั้นที่เป็นนาฬิกาหน้าปัดกลม ที่เหลือจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมทั้งหมด
คุณสมบัติพื้นฐานของนาฬิกาข้อมือ Android Wear คือมันสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android เท่านั้น (ไอโฟนหมดสิทธิ์นะ ต้องรอ Apple Watch อย่างเดียว) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อเอา notification ต่างๆ ทั้งหมดในเครื่อง มาแสดงผลบนหน้าจอของนาฬิกาข้อมือได้ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล, SMS, Facebook, Instagram, LINE, ตารางนัดหมาย, สภาพอากาศ, ข้อมูลจาก Google Now ฯลฯ และสามารถโต้ตอบกับ Notification ได้หลากหลายตัว ทั้งการตอบกลับข้อความ, บันทึกว่าอ่านแล้ว, สั่งให้เปิดแอพบนมือถือผ่านทางนาฬิกา เป็นต้น และยังมีมอเตอ์รสั่นเตือน เวลามี Notification เข้ามา ทำให้ไม่ค่อยพลาดข้อความหรือสายเรียกเข้าที่สำคัญๆ เท่ากับตัวโทรศัพท์มือถือเองที่อาจจะไม่ได้อยู่ติดกับตัวเราตลอด
นอกจากนี้ นาฬิกาข้อมือ Android Wear ทุกตัว ยังสามารถใช้สั่งงานด้วยเสียงได้อีกด้วย เช่น สั่งจดโน้ต, สั่งให้เสิร์ชกูเกิล, สั่งตั้งนาฬิกาปลุก, หรือถามคำถามที่เราอาจจะอยากรู้กะทันหัน เช่น What’s the capital city of Ukraine? ก็พูดใส่นาฬิกาเข้าไปด้วยการเริ่มคำสั่งว่า OK Google, … และตามด้วยคำถามที่เราอยากถามได้เลย
ส่วนตัว คิดว่าด้วยพื้นฐานของ Android Wear ไม่ว่าจะรุ่นไหนหรือยี่ห้อไหน ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้คนใช้มือถือ Android พอใจแล้วล่ะครับ เป็นการประยุกต์เอาหน้าจอบนนาฬิกาข้อมือมาแสดงผลข้อมูลและแจ้งเตือนเรื่องที่จำเป็นได้อย่างลงตัว ทำให้ไม่ต้องหยิบมือถือมาดูบ่อยๆ ทีนี้ก็อยู่ที่เราแล้วว่าจะเลือกดีไซน์กับฟีเจอร์พิเศษของ Android Wear ในตลาดรุ่นไหนมาใช้งานกันดี
moto 360
Motorola moto 360 เป็นนาฬิกาข้อมือ Android Wear หน้าปัดกลมรุ่นแรกที่เปิดตัว และเริ่มวางขายในสหรัฐฯ มาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2014 ด้วยสถานะขาดตลาดอยู่หลายเดือน มาพร้อมสายหนังในราคาเรือนละ $249 (ประมาณแปดพันกว่าบาท) และภายหลังได้ออกรุ่นสายเหล็กในราคา $299 กับสีทองในราคา $329 ตามมา
รุ่นที่ผมเอามาให้ชมวันนี้ เป็นรุ่นสายหนัง ($249) ครับ มาแกะกล่องดูกัน
ภายในกล่องทรงกระบอกของ moto 360 จะมีตัวเรือนนาฬิกาพร้อมสายหนัง, แท่นชาร์จ, อะแดปเตอร์, สาย USB และคู่มือการใช้งานมาให้ (นาฬิกาที่มาในกล่องจะมาพร้อมสายหนังสีดำนะครับ แต่ผมมาเปลี่ยนสายเองเป็นสีน้ำตาลในภายหลัง)
ตัวเรือนนาฬิกา มีความหนากว่านาฬิกาข้อมือทั่วไปเล็กน้อย และบริเวณเม็ดมะยม เป็นปุ่มที่สามารถกดลงไปได้ เพื่อใช้ในการเปิดเครื่องครั้งแรก และใช้เปิดหน้าจอ แต่โดยปกติหน้าจอของนาฬิกาจะติดเองอัตโนมัติเมื่อพลิกข้อมือมาดูนาฬิกาอยู่แล้ว บริเวณหน้าจอวงกลม จะถูกตัดเป็นสีดำสนิทบริเวณขอบล่างสุดของตัวเรือนเล็กน้อย เพื่อใช้เป็นตำแหน่งของเซนเซอร์วัดแสง ambient
ด้านหลังของตัวเรือน มีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่กึ่งกลาง พร้อมมีข้อความบอกฟีเจอร์ต่างๆ ของ moto 360 ที่อาจจะพิเศษกว่า Android Wear รุ่นมาตรฐานอื่นๆ เช่น เซนเซอร์ Pedometer ในการนับก้าวเดิน, การกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67, และรองรับการชาร์จไฟผ่านแท่นชาร์จแบบไร้สาย เป็นต้น
วิธีการชาร์จ moto 360 ต้องวางบนแท่นชาร์จอีกทีนึงครับ ไม่สามารถเสียบสายชาร์จเข้าไปที่ตัวนาฬิกาโดยตรงได้ เพราะตัวเรือนกันน้ำกันฝุ่น เลยถูกออกแบบมาให้ชาร์จกับแท่นไร้สายเท่านั้น ซึ่งก็เท่ดี ตอนวางตะแคงอยู่บนแท่นชาร์จ หน้าปัดจะหันหน้าจอลงมาเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะ บวกกับตัวเลขระดับแบตเตอรี แต่ก็ทำให้ขาดความสะดวกตอนเดินทางไปเหมือนกัน เพราะต้องพกแท่นชาร์จติดตัวไปด้วย ความอึดของแบตเตอรี moto 360 สำหรับการใช้งานปกติ สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องชาร์จระหว่างวันครับ แต่ก็ต้องเอามาวางชาร์จทุกคืนอยู่ดี
Android Wear – App
การติดตั้ง moto 360 ให้ใช้งานกับมือถือ Android ครั้งแรก ต้องไปดาวน์โหลดแอพที่ชื่อว่า Android Wear มาจาก Play Store ก่อนครับ และทำการแพร์ Bluetooth เข้ากับตัวนาฬิกา จากนั้น พวก notification ต่างๆ บนเครื่อง Android ของเราก็จะมาแสดงผลบนนาฬิกาของเราได้เลย ใช้ง่ายมาก ไม่ต้องมีสกิลทางด้านไอทีมากก็ใช้ได้สบาย
Custom Watchfaces
ที่ผมหยิบมารีวิววันนี้ ไม่ได้จะมาเน้นฟีเจอร์ของ moto 360 หรือ Android Wear อะไรมากหรอกครับ เพราะที่หลายคนสนใจ คือความลงตัวของนาฬิกาอัจฉริยะหน้าปัดกลม ที่สามารถเปลี่ยนแปลงหน้าตาของมันให้เหมือนกับนาฬิกาแบรนด์เนมอื่นๆ ได้แบบไม่มีเบื่อ ที่มีเว็บนอกจำนวนมากทำออกมารวบรวมไว้ให้ดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรีๆ อย่างเช่น …
วิธีการทำก็ไม่ยากครับ มีทั้งแบบที่มีหน้าปัดให้ใช้เลยแค่โหลดหรือซื้อแอพจาก Play Store มาลง (อันนี้ง่ายสุด) หรืออีกแบบคือใช้แอพสำหรับเปลี่ยนหน้าตา เช่นแอพ Facer หรือ Watchmaker แล้วก็ไปหาดาวน์โหลดเฉพาะไฟล์หน้าปัดมาใช้อีกที ซึ่งแบบหลังนี่แหละ จะมีให้โหลดได้หลากหลายมากๆ หรือถ้าใครหาแบบที่ถูกใจไม่ได้ จะทำเองเอาซะเลยก็ทำได้ไม่ยากเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่นเว็บ FaceRepo ที่มีหน้าปัดของนาฬิกา Android Wear ให้ดาวน์โหลดแบบฟรีๆ และมีอัพเดตหน้าใหม่ๆ ทุกวัน โดยจะต้องติดตั้งแอพ Facer หรือ Watchmaker ในมือถือเสียก่อน และแนะนำให้เปิดบราวเซอร์ในมือถือแอนดรอยด์เพื่อดาวน์โหลดไปที่แอพโดยตรงครับ (เปิดในมือถือแอนดรอยด์เลย อย่าเปิดผ่านคอมพิวเตอร์)
ส่วนตัวผม ถ้าพูดถึงราคาของ moto 360 ที่แปดพันกว่าบาท แต่ไม่มีขายอย่างเป็นทางการในไทย ร้านหิ้วบางร้านก็บวกกันไปเป็นหมื่นต้นๆ ก็ยังไม่ถือว่าหนักหน่วงอะไรมากครับ เมื่อเทียบกับลูกเล่นที่นอกเหนือจากจะได้ใช้ความสามารถของ Android Wear ได้แบบเต็มที่แล้ว ยังสามารถเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้หลากหลาย ชนิดที่นาฬิกาแบรนด์เนมหลายค่ายต้องหันมามองกันเลยแหละครับ