แชร์เทคนิค ใช้ WiFi ในห้องพักโรงแรมให้เร็วสะใจ

คนเดินทางส่วนมาก รวมถึงผมด้วย มักจะเจอปัญหา WiFi ที่โรงแรมที่เราไปพัก ไม่เร็ว ไม่แรง ความเร็วที่ให้มาก็เหมือนกั๊กๆ หรือต้องไปแย่งช่องสัญญาณไวไฟกับคนอื่นๆ ทั้งโรงแรมใช้งาน จนแทบจะใช้ไม่ได้ สุดท้ายก็ยอมแพ้ ใช้อินทเอร์เน็ตจากซิมการ์ดแทนก็ได้ ไม่สะดวกสบาย ทั้งๆ ที่โรงแรมก็มี WiFi ให้ใช้ฟรี วันนี้ผมมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ มาบอกครับ

Disclosure: บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากโรงแรม หรือตัวแทนที่เกี่ยวข้อง

โรงแรมส่วนมาก ที่มี WiFi ให้ใช้ ทั้งแบบที่มีรหัสผ่านส่วนกลาง หรืออาจจะเป็นรหัสผ่านแบบห้องใครห้องมัน มักจะถูกจำกัดความเร็วเอาไว้ครับ และยิ่งถ้ามีแขกเข้าพักเป็นจำนวนมาก ความเร็วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เพราะต้องแย่งกันใช้กับทุกคน (ยิ่งถ้ามีใครใช้ดาวน์โหลดไฟล์ใหญ่ๆ เป็นจำนวนมากๆ ก็จะยิ่งใช้กันแทบไม่ได้เลย) แต่จริงๆ แล้วมันมีวิธีที่จะไม่ต้องแย่งกับทุกคนครับ

ช่องเสียบสายแลน ที่โต๊ะในห้องโรงแรม

ห้องพักโรงแรมส่วนมาก มักจะมีช่องเสียบ “สายแลน” มาให้บริเวณโต๊ะทำงานในห้องครับ การใช้อินเทอร์เน็ตผ่าน สาย LAN เนี่ย มักจะได้ความเร็ว ความแรง เหนือกว่าการใช้ผ่านไวไฟหลายเท่าตัว ผมลองพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วหลายโรงแรม

สายแลน ที่อาจมีให้ในห้องพักโรงแรม

แต่สาย LAN มันต้องใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้นนี่นา? มือถือก็ต้องต่อผ่านไวไฟอยู่ดี? … ไม่จริงเสมอไปครับ มาดูเทคนิคการใช้มือถือต่อไวไฟ ให้ได้ความเร็วเท่ากับการเสียบสาย LAN กัน

อุปกรณ์ที่ต้องมี

  1. สาย LAN (ถ้าโรงแรมไม่มีให้ พกไปเองเลยครับ ผมพกสาย LAN ทุกครั้งที่เดินทาง รวมอยู่กับกระเป๋าอุปกรณ์ที่ชาร์จต่างๆ อยู่เสมอ) ลองสำรวจดูสักนิด ในเก๊ะของห้องพัก มีสายมาให้มั้ย หรือลองโทรขอจากโรงแรมดูครับ)
  2. เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จะ Windows หรือ Mac ก็ได้ ที่มีช่องเสียบสายแลน (ถ้าเครื่องรุ่นใหม่ๆ ที่ไม่มีช่องเสียบสายแลนแล้ว ต้องมีอะแดปเตอร์สำหรับเสียบสายแลนครับ แปลงเป็นพอร์ต USB หรือ USB-C มีวางขายแล้วมากมาย)

หลักการก็คือ เราต้องเสียบสาย LAN ในห้องพัก เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา และต่อเน็ตจากสายแลนครับ ซึ่งอาจจะต้องผ่านขั้นตอนการล็อกอิน ใส่พาสเวิร์ดตามปกติ ซึ่งโดยส่วนมาก เรามักจะได้ความเร็วเน็ตที่แรงกว่าการเชื่อมต่อผ่านไวไฟของโรงแรมอยู่แล้ว ถ้าโชคดี บางโรงแรมนี่ได้ความแรงแบบสุดๆ (ผมเคยเจอระดับ 200/200 Mbps ผ่านสายแลน แต่ไวไฟกากมาก) ถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนแรกครับ

จากนั้น เราต้องทำการ “ปล่อยไวไฟ” จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ซึ่งขั้นตอนนี้ จะมีความซับซ้อนขึ้นนิดนึงครับ และมีวิธีที่แตกต่างกันระหว่าง Windows กับ Mac

Windows:

ขอพูดถึงในกรณีของ Windows 10 เพียงอย่างเดียวนะครับ (จริงๆ Windows 7 ก็ทำได้ แต่ถ้าเก่ากว่านั้น อาจจะต้องใช้วิธีอื่น) โดย Windows 10 จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Hosted Network ซึ่งมันสามารถปล่อยอินเทอร์เน็ตจากสาย LAN (Ethernet) ออกมาเป็นสัญญาณ WiFi ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ของเราได้ วิธีการทำอาจจะดู geek เล็กน้อย แตคอยๆ ทำตาม ก็ทำได้ไม่ยากครับ มีเว็บที่สอนทำเอาไว้แล้ว ตามนี้ >> Turn Your Windows 10 Computer Into a Wi-Fi Hotspot

Mac:

ส่วนของ Mac ขั้นตอนจะง่ายกว่าพอสมควรครับ สามารถสอนได้เลย ง่ายๆ ตามนี้ครับ

เข้าไปที่ System Preferences และกดปุ่ม Sharing และเลือกหมวด Internet Sharing ในช่องด้านซ้าย ก็จะเจอกับหน้าจอนี้ ให้เลือก Share your connection from: Ethernet ซึ่งก็คือการแชร์เน็ตจากสายแลนนั่นเอง และเลือกแชร์ออกไปเป็น Wi-Fi

กดปุ่ม Wi-Fi Options เพื่อตั้งชื่อ Wi-Fi ส่วนตัวของเรา และเลือก Security เป็น WPA2 Personal เพื่อตั้ง password ไม่ให้ห้องข้างๆ มาแอบใช้ของเราครับ

จากนั้นก็ให้ติ๊กเครื่องหมายถูก หน้าคำว่า Internet Sharing เพื่อเปิดการแชร์เน็ตตามที่เราตั้งค่าไว้ จะมาสัญลักษณ์กลมๆ เขียวๆ บอกว่า ได้เปิดการแชร์แล้ว เป็นอันเสร็จสิ้น

แล้วไงต่อ?

หลังจากที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา สามารถปล่อยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จากสาย LAN มาเป็นสัญญาณ WiFi ส่วนตัวของเราได้แล้ว ก็ให้เอาอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งหมด เช่น มือถือ แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ มาเชื่อมต่อกับสัญญาณ WiFi ส่วนตัวของเราแทน WiFi ของโรงแรมได้เลยครับ ทุกอุปกรณ์ของเราจะได้ความเร็วเหมือนกับเราเสียบสาย LAN เลย แค่นี้ก็ทำให้การพักโรงแรมของเราได้ใช้เน็ตแรงๆ แล้ว

บางโรงแรมนี่ปล่อย WiFi มาแค่ 10/10 Mbps แต่ปล่อยผ่านสายแลนมาแบบไม่อั้น

วิธีการนี้ ไม่เสียเงิน ปลอดภัย และ ไม่มีผลเสียใดๆ ต่ออุปกรณ์ครับ ผมมีโอกาสได้ใช้เทคนิคนี้หลายครั้ง เมื่อเจอไวไฟโรงแรมความเร็วกากๆ และในห้องมีช่องเสียบสายแลน ซึ่งการพกสายแลนติดตัวตอนเดินทางนี่มีประโยชน์มากๆ ครับ

ขอให้สนุกกับการเดินทางทุกท่าน พบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ

บทความโดย:
อู๋ spin9

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save