รีวิว First Class แบบใหม่ของ Singapore Airlines – Boeing 777-300ER

รีวิววันนี้ ผมพาไปขึ้น First Class ของ Singapore Airlines ครับ ซึ่งเป็นที่นั่ง First Class ที่ปรับปรุงมาใหม่ ออกแบบโดย BMW Designworks ด้วยบริการแบบสุดหรูจัดเต็ม บนเครื่องบินแบบ Boeing 777-300ER ที่มีที่นั่ง First Class บนเครื่องบินเพียงแค่ 4 ที่เท่านั้น

Disclosure: บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากสายการบินหรือตัวแทนที่เกี่ยวข้อง

Singapore Airlines (SQ) นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในสายการบินโปรดของนักเดินทางทั่วโลก โดยเฉพาะบนชั้นโดยสารพรีเมียมครับ ทั้ง Business Class และ First Class ของ SQ มักจะจัดเต็มเหนือกว่าสายการบินอื่นๆ ในระดับเดียวกันชนิดที่มีเซอร์ไพรส์ให้เห็นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งขนาดใหญ่จนน่าตกใจ หรือบริการบนเครื่องบินที่โดดเด่น และสร้างความประทับใจจนได้รับรางวัลกันมาอย่างต่อเนื่องเลยครับ

และความพิเศษก็มาอยู่ในไฟลต์ที่ผมจะรีวิวนี้ด้วยครับ ผมจะพาคุณผู้อ่านไปดูที่นั่ง First Class แบบใหม่ของ Singapore Airlines ที่เพิ่งจะปรับปรุงบนเครื่องบิน Boeing 777-300ER โดยลำที่ปรับปรุงใหม่ที่ผมจะพาไปขึ้นนี้ จะมีที่นั่ง First Class แค่ 4 ที่นั่งเท่านั้นเองครับ ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย

Flight: SQ11

Route: NRT-SIN
Date: 4 May 2017
Departure Time: 14:45
Arrival Time: 21:00
Duration: 7 hr 15 mins
Seat: 1A
Class: First Class
Aircraft: Boeing 777-300ER
Registration: 9VSWN

ไฟลต์นี้ผมเดินทางออกจากญี่ปุ่น (NRT) ไปยังสิงคโปร์ (SIN) ครับ ในอดีต Singapore Airlines เคยใช้เครื่องบินแบบ Airbus A380-800 กับเส้นทางนี้ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ Boeing 777-300ER แล้ว และก็มักจะใช้รุ่นที่ถูกปรับปรุงที่นั่ง First Class มาใหม่แล้วด้วยครับ

Check-in

ขั้นตอนการเช็กอินที่สนามบินโตเกียวนาริตะ เป็นไปอย่างรวดเร็ว และ exclusive มากครับ มีการแบ่งเคาน์เตอร์สำหรับ First Class เอาไว้ และเจ้าหน้าที่ก็แจ้งกับผมตั้งแต่แรกเลย ว่าผมเป็นผู้โดยสาร First Class เพียงคนเดียวของเที่ยวบินนี้ (เรียกว่าเปิดเคาน์เตอร์นี้ให้ผมคนเดียวเลยแหละ) หลังจากเช็กอินแล้ว ก็จะได้รับ boarding pass สีแดงมาอย่างสวยงาม

ANA Suite Lounge, Narita International Airport

ที่สนามบินโตเกียวนาริตะนี้ ถ้าโดยสารด้วยชั้น First Class ในกลุ่มสายการบิน Star Alliance ก็จะได้รับสิทธิ์มาใช้เลานจ์ ANA Suite Lounge (ซึ่งเป็นคนละอันกับ ANA Lounge ปกตินะครับ) ตั้งอยู่บริเวณชั้น 4 ใกล้กับบริเวณที่ boarding ครับ โดย ANA ได้แยกเลานจ์ ANA Suite ออกมา สำหรับผู้โดยสาร First Class โดยเฉพาะ มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเลานจ์ Business Class รวมถึงมีตัวเลือกของอาหารและเครื่องดื่มที่มากกว่าด้วย

การบริการของ ANA Suite Lounge นี่เน้นให้พนักงานมาต้อนรับ และบริการถึงที่นั่งครับ แม้ว่าจะมีไลน์บุฟเฟ่ต์ให้ตักเหมือนกับเลานจ์อื่นๆ ทั่วไปก็ตาม แต่พนักงานต้อนรับก็จะนำเมนูมาให้ เดินมาสอบถามความต้องการ และ นำอาหารเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ถึงที่เลย

จุดเด่นของเลานจ์ ANA ที่หลายคนชื่นชอบ คือการที่เราสามารถสั่งราเมงทำแบบสดๆ ทีละออเดอร์ได้ครับ แต่พอมาอยู่ใน ANA Suite Lounge นี่จะมีตัวเลือกของเมนูเพิ่มเติมมาด้วย หนึ่งในนั้นคือข้าวหน้าเนื้อนี่แหละครับ ทำมาดีมากๆ อร่อยมากๆ ไม่ต่างจากในร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ เลย

ในเลานจ์ ANA Suite จะมีห้องอาบน้ำให้บริการด้วย และความเป็นเลานจ์สำหรับ First Class โดยเฉพาะ เลยไม่มีคิวให้รอครับ หน้าตาของห้องอาบน้ำที่นี่เหมือนๆ กับห้องอาบน้ำในเลานจ์ Business Class ของ ANA นั่นแหละครับ มีอุปกรณ์ให้ครบถ้วนทุกอย่าง

แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ผู้โดยสารจะได้รับชุดสบู่ แชมพู ของ Shiseido แยกต่างหากออกมาให้เป็นเซ็ตแบบนี้ แทนที่จะใช้แบบซองพลาสติกปกติที่มีให้ในห้องอาบน้ำ

หนึ่งในความใส่ใจของพนักงานในเลานจ์นี้ คือเค้าจะมีบันทึกเอาไว้ด้วยว่าผู้โดยสารคนไหนเดินทางเที่ยวบินไหน และจะเดินมาบอกผมตอนใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่องเพื่อให้เตรียมตัวด้วยครับ

Boarding

ขั้นตอนการขึ้นเครื่องของสนามบินนาริตะนี่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นระเบียบ และความรวดเร็วในการจัดผู้โดยสารขึ้นเครื่องอยู่แล้วครับ ไฟลต์นี้มีการแบ่งคิวเป็น 4 แถวเลย (เพราะเครื่องบินลำนี้มี 4 คลาส) คือ First, Business, Premium Economy และ Economy ครับ ผมเดินมาถึงเกตก็เริ่ม boarding แถวผู้โดยสารพรีเมียมไปหมดแล้ว เดินขึ้นเครื่องได้เลยแบบชิลๆ

On-board

อย่างที่บอกไปครับ เครื่องบินลำนี้มีที่นั่ง First Class เพียงแค่ 4 ที่เท่านั้น (น้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลย) โดยจัดที่นั่งไว้ด้านหน้าสุดของเครื่องบิน และมีแผงกั้นระหว่าง First กับ Business Class เอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว

ผมขึ้นเครื่องบินมา ก็เจอกับพนักงานที่ดูแลผู้โดยสาร First Class จำนวน 2 คน ให้การต้อนรับ และให้ผมเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบเลย เพราะวันนี้ไม่มีผู้โดยสาร First Class คนอื่นๆ ครับ

Seat Features

เก้าอี้ First Class ของ SQ ที่ปรับปรุงมาใหม่นี้ ถูกออกแบบโดย BMW Designworks เป็นโปรเจคพิเศษ ที่ออกแบบมาเน้นทั้งความสบาย และ ความสวยงาม ที่ให้ความรู้สึกหรูหราอย่างมาก ที่นั่งมีขนาดใหญ่มากครับ กว้างถึง 35 นิ้วเลยทีเดียว

ที่นั่งแบบใหม่นี้ ไม่มีประตูปิดเหมือนกับ Suite บน Airbus A380 ครับ แต่ถูกดีไซน์ให้มีความเป็นส่วนตัวมาก และวางที่นั่งเหลื่อมกันเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ที่นั่ง 1A กับ 1C มองเห็นกันได้

ที่นั่งมีความกว้างมากๆ ครับ ออกแบบให้นั่งชิดด้านในด้านหนึ่ง มีหมอนอิงขนาดใหญ่พอสมควรมาให้ด้วย สังเกตว่ากว้างขนาดที่เข็มขัดนิรภัยนี่ต้องโผล่มาจากกลางที่นั่งเลยนะครับ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถคาดได้

เมื่อนั่งแล้ว ด้านหน้าเป็นช่องวางขา  ดีไซน์เรียบหรูด้วยโทนสีน้ำตาลเข้ม พร้อมหน้าจอความบันเทิงขนาด 24 นิ้ว คมชัดระดับ HD

รีโมทควบคุมหน้าจอ เป็นแบบหน้าจอทัชสกรีน พร้อมจอยสติ๊กให้ควบคุมได้ง่าย ติดอยู่บริเวณด้านข้าง สามารถสไลด์ฝามาปิดเพื่อบังแสงจากรีโมท และเพื่อความสวยงามด้วย

แผงควบคุมที่นั่ง ปุ่มเปิดปิดไฟตำแหน่งต่างๆ ปุ่มเรียกพนักงาน และปุ่มปิดจอทีวี ถูกออกแบบมารวมกันอยู่ในแผงเดียวกัน เนี๊ยบมาก

หลอดไฟ mood lighting สำหรับอ่านหนังสือ สามารถปรับความสว่างได้ และกรองแสงให้นวลตา มีอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของที่นั่ง ด้านข้างไฟเป็นที่เสียบหูฟังแบบ noise cancellation ที่มีให้เลือกเสียบได้ทั้งด้านซ้ายและขวาของที่นั่งเลย ตามแต่ความถนัดครับ

หูฟังที่ให้มา เป็นหูฟัง noise cancellation ของ Bose เลยนะครับ

ด้วยความที่ BMW Designworks เป็นผู้ออกแบบที่นั่งชุดนี้ ก็เลยมีความใส่ใจในรายละเอียดอย่างมากครับ ที่เห็นนี่คือ ที่แขวนหูฟัง ตอนที่เราไม่ได้ใช้งาน ซึ่งปกติจะเป็นปัญหาของที่นั่งบนเครื่องบินอย่างมาก ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน ก็เอามาแขวนไว้ตรงนี้

ด้านหน้าที่นั่ง บริเวณด้านข้างโต๊ะ มีช่องเสียบปลั๊กแบบ universal และช่องเสียบ HDMI สำหรับนำภาพจากอุปกรณ์ส่วนตัวของเราไปฉายบนหน้าจอขนาด 24 นิ้วได้ด้วยครับ

ด้านข้างอีกด้านของที่นั่ง เป็นฝาที่เราสไลด์เปิดได้เช่นกัน แต่ด้านนี้เป็นตำแหน่งของที่ชาร์จแบบ USB จำนวน 2 ช่อง (ช่องนึงสำหรับชาร์จไฟโดยเฉพาะ ส่วนอีกช่องเสียบเพื่อเอาคอนเทนต์เช่นพวกเพลงจากมือถือไปเล่นผ่านระบบความบันเทิงของที่นั่งได้)

ด้านข้างของหน้าจอ เป็นตำแหน่งของช่องเก็บของเพิ่มเติม และยังมีกระจกสำหรับแต่งหน้าด้วย

นี่คือความใหญ่โตและหรูหราของที่นั่ง First Class บน Singapore Airlines ครับ

นั่งเล่นได้แป๊บเดียว พนักงานต้อนรับเดินมาถามตัวเลือกของ welcome drink เลยครับ ผมขอเลือกรับเป็นแชมเปญตามปกติ แต่ที่เซอร์ไพรส์ผมมากก็คือ พนักงานถามว่าจะรับแชมเปญตัวไหนดี และมีให้เลือกทั้ง Krug Grande Cuvee และ Dom Perignon Brut 2006! …

ผมขอเลือกรับ Krug ก่อนเลยครับ ถูกแช่มาแบบเย็นๆ พอดิบพอดี เปิดขวดใหม่ๆ เสิร์ฟมาพร้อมแก้วแชมเปญอย่างดี

Amenity Kit

พนักงานเดินมาอีกครั้ง พร้อมกับชุด amenity kit ของ Salvatore Ferragamo ในชุดกระเป๋าสีน้ำตาล

ภายในมีชุด skincare ต่างๆ , โคโลญ (มาเป็นขวดแก้วเลย) และ after shave

ชุดนอนสำหรับใส่นอนบนเครื่องบิน เลือกไซส์ได้ครับ

ถุงเท้า รองเท้าแตะ และผ้าปิดตา

ตุ๊กตาหมี Singapore Airlines ครบรอบ 70 ปี ก็มีมาแจกให้ด้วย

In-flight Cuisine

ก่อนเทคออฟ ผมได้รับเมนูอาหารและเมนูเครื่องดื่มสำหรับเที่ยวบินนี้ครับ

หลังจากเครื่องขึ้นได้สักพัก ก็ถึงเวลาของ snack ครับ พนักงานเดินมาสอบถามตัวเลือกของเครื่องดื่มที่จะมาคู่กับ snack ผมเลือกแชมเปญอีกครั้ง แต่รอบนี้เปลี่ยนเป็น Dom Perignon Brut 2006 บ้าง พนักงานเดินมาเปิดขวดใหม่ให้ถึงที่

snack มาเสิร์ฟเป็นสะเต๊ะไก่ + สะเต๊ะแกะเสียบไม้ครับ ก่อนที่จะเป็นทีเด็ดของไฟลต์นี้

พนักงานเดินมาปูโต๊ะ พร้อมจัดจานให้อย่างดี เตรียมพร้อมสำหรับอาหารมื้อเย็นครับ

ชุดคาเวียร์มาก่อนเลย แบบจัดเต็มมากๆ คาเวียร์ที่ SQ เลือกเสิร์ฟ เป็นคาเวียร์ของ Calvisius ครับ

ก่อนเริ่มทาน พนักงานเดินเอาว็อดก้ามาให้ และเอาไวน์มาแนะนำเพื่อทานคู่กันครับ หยิบมาโชว์กันทั้งเมนูเลย ผมเลือกรับไวน์แดง Chateau Leoville Poyferre 2004 กับคอร์สนี้ บอกเลยว่า คาเวียร์ชุดนี้ฟินมากครับ

ถัดมาเป็นซุปใส มีสาหร่ายและเต้าหู้ สไตล์จีนๆ อุ่นมาร้อนพอดิบพอดีครับ รสชาติถูกปากเลยนะ และตามมาด้วยสลัด ที่มีตัวเลือกของน้ำสลัดให้เลือกได้ด้วยครับ

พระเอกของไฟลต์นี้มาแล้วครับ เมนูของผู้โดยสาร First Class ของ SQ นี่สามารถเลือกสั่งอาหารล่วงหน้าได้ด้วย โดยทาง SQ เรียกว่า Book the Cook สั่งจองผ่านระบบออนไลน์ในหน้าเว็บได้เลย ผมไม่พลาดที่จะเลือก Lobster Themidore ทีเด็ดของ Singapore Airlines มาบนเที่ยวบินนี้

ล็อบสเตอร์จานนี้ ทำได้โคตรดีงามเลยครับ อร่อยมากๆ ไม่เหนียวเลยแม้แต่นิดเดียว หอม กลมกล่อมมากๆ

พนักงานต้อนรับแนะนำให้ทานกับแชมเปญอีกครั้งครับ คราวนี้เอามาให้ทั้ง Krug และ Dom เลย จัดเต็มแค่ไหนถามใจเธอดู~

ขนมหวานเป็นเค้กเสาวรส พร้อมไอศครีม White Chocolate ครับ เข้ากันได้ดีเลยแหละ

ยังไม่พอแค่นั้นนะครับ ตามมาผลไม้สด ที่เสิร์ฟเมล่อนอย่างดีจากญี่ปุ่น หวานฉ่ำมากๆ จนต้องขอเพิ่ม และยังมีผลไม้สดอย่างอื่นๆ ให้เลือกได้เองอีกด้วย

ชาเขียวร้อน เลือกใช้ของ TWG

ผมนั่งดูหนังต่อสักพัก พนักงานเอาช็อกโกแลตมาเสิร์ฟอีก 1 จานครับ ไม่ปล่อยให้มือว่างกันได้ง่ายๆ 555

WiFi on-board

บนเที่ยวบินนี้มีให้บริการ WiFi ด้วยครับ โดย SQ ใช้ WiFi ของ OnAir ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ WiFi บนเครื่องบินของหลายสายการบินทั่วโลกตอนนี้ เปิดราคาสูงอยู่เอาเรื่องเหมือนกัน มี 3 แพ็ก คือ $6.99 ใช้ได้ 15MB, $12.99 ใช้ได้ 30MB และ $19.99 ใช้งานได้ 50MB เท่านั้น แพงเกินไปครับ

Lavatory

ลุกมาสำรวจห้องน้ำหน่อยครับ ที่เจ๋งมากคือ แม้จะมีที่นั่ง First Class แค่ 4 ที่นั่ง แต่ก็มีห้องน้ำให้ถึง 2 ห้องเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องน้ำไซส์ปกติ ไม่ได้ใหญ่เวอร์วังเหมือนกับใน Airbus A380 ก็ตาม

โลชั่น และ น้ำหอม เป็นของ Salvatore Ferragamo ทั้งหมดครับ

Flat bed

ผมเดินกลับมาที่นั่งอีกครั้ง พนักงานเลือกที่จะปูเตียงให้กับที่นั่ง 1C ที่ว่างอยู่ครับ โดยที่นั่ง First Class ของ SQ นี่ไม่ได้เป็นแบบปรับเอนจนราบนะครับ แต่จะเป็นแบบพับพนักพิงทั้งอันลงมาเป็นเตียง และปูผ้าทับอีกชั้น พนักงานต้อนรับอธิบายว่า ผมจะได้ไม่ต้องลุกออกจากที่นั่งเพื่อรอพนักงานปูเตียงให้

น่านอนเลยแหละครับ เห็นแบบนี้ มันกว้างมากๆ และนุ่มสบายมากๆ เลยทีเดียว จากปริมาณอาหารและแอลกอฮอล์ที่ดื่มไป เอนหลังได้แป๊บเดียว หลับยาวสิครับ

ไฟลต์ 7 ชั่วโมง ผ่านไปอย่างรวดเร็วมากๆ ครับ พักกันได้เต็มที่ ผมลุกมาอีกครั้ง พนักงานเตรียมใบ ตม. ให้กรอก และ เสิร์ฟน้ำส้มคั้นสดๆ มาให้ ก่อนเครื่องลงจอดที่สนามบินสิงคโปร์ชางงี เป็นอันสิ้นสุดการบริการอันน่าประทับใจบนเที่ยวบินนี้

สรุป

Singapore Airlines นี่เป็นหนึ่งในสายการบินในฝันของนักเดินทางในชั้นพรีเมียมอยู่แล้วล่ะครับ และ First Class แบบใหม่ของ SQ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ใช้ของดี เสิร์ฟของดี อาหารรสชาติถูกปาก บริการชั้นยอด ไฟลต์นี้หาที่ติได้ยากเลยล่ะครับ ถ้าจะหาข้อมาติจริงๆ ผมว่าก็คงเป็นเรื่องราคานี่แหละ

ข้อเสียจริงๆ ของสายการบินนี้คือ มักจะตั้งราคาสูงกว่าสายการบินอื่นๆ อยู่พอสมควรเลยครับ และ ไม่ปล่อยที่นั่งในชั้นพรีเมียมให้สายการบินพันธมิตร Star Alliance แลกไมล์เลย หากจะใช้ไมล์แลกตั๋วนี่แทบจะสงวนไว้ให้สมาชิก KrisFlyer ของตัวเองล้วนๆ เลยครับ ซึ่งแน่นอนว่า สำหรับคนไทยแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครสะสม KrisFlyer กันสักเท่าไหร่ มีแต่สะสม Royal Orchid Plus กันมากกว่า

ถ้าให้เทียบกับ First Class สายการบินอื่นๆ ส่วนตัวแล้วผมก็ยังเทคะแนนให้ Singapore Airlines มาในอันดับต้นๆ ครับ แม้ว่า hard product อาจจะไม่เว่อวังเท่ากับสายการบินในแถบตะวันออกกลาง แต่ประสบการณ์โดยรวมของ SQ นี่ผมว่าไม่แพ้ใครแน่ ยังไม่นับในส่วนของเลานจ์ที่สนามบินสิงคโปร์ชางงีอีกนะครับ ที่ผู้โดยสาร First Class ของ SQ เองจะได้รับสิทธิ์เข้าไปใช้บริการโคตรเลานจ์ที่ชื่อ The Private Room ที่ผมได้รีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว

พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ

บทความโดย: อู๋ spin9

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save